น้อยคนจะรู้… ไทยในอดีต “ผีบุญ” ให้ “สาวๆ ต้องจ้างเด็กไปเป็นผัว” “แล้วเสกหินกลายเป็นทอง”!!!

น้อยคนจะรู้… ไทยในอดีต “ผีบุญ” ให้ “สาวๆ ต้องจ้างเด็กไปเป็นผัว” “แล้วเสกหินกลายเป็นทอง”!!!

559000006908601

“ผีบุญ” ในสมัยนั้นมีความหมายว่า “ผู้มีบุญ” ก็คือคนที่อวดอ้างว่าตัวเป็นผู้วิเศษ มีฤทธิ์เดชเหนือมนุษย์ ได้รับบัญชาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้มาสร้างความมั่งคั่งผาสุกให้ราษฎร ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง เพื่อหาผลประโยชน์เข้าตนเอง แต่สามารถหลอกให้คนงมงายมาเชื่อได้เป็นจำนวน (คล้ายๆ ปัจจุบันยังไงก็ไม่รู้สินะ) ในภาคอีสาน มีผีบุญเกิดขึ้นมากมาย เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยากจน แผ่นดินแร้นแค้น อีกทั้งยังถูกหลอกว่า รัฐบาลสยามจะมาเก็บภาษีไปให้คนในกรุงเทพฯอีกด้วย

สมัยรัชกาลที่ 5 ใน พ.ศ.2443 มีหนังสือจารึกใบลานข้อความเป็นคำพยากรณ์ว่า

“ในเดือนหกปีหน้า คือใน พ.ศ.2444 จะเกิดเภทภัยใหญ่หลวง หินแฮ่ หรือหินลูกรัง จะกลายเป็นเงินเป็นทอง ฟักเขียวฟักทองจะกลายเป็นช้างม้า ควายทุยควายเผือกและหมูจะกลายเป็นยักษ์กินคน ท้าวธรรมิกราชผู้มีบุญจะมาเป็นใหญ่ในโลกนี้ ผู้จะพ้นจากเหตุร้ายนี้ได้ต้องคัดคำพยากรณ์นี้เผยแพร่ต่อๆกันไป ถ้าใครเป็นคนบริสุทธิ์ไม่เคยทำชั่วทำบาป ก็ให้เอาหินแฮ่มารวบรวมไว้ รอท้าวธรรมิกราชจะมาชุบเป็นเงินเป็นทองให้ แต่ถ้าใครทำชั่วไว้ ก็ให้ไปนิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีรดน้ำมนต์ เรียกว่า “พิธีตัดกรรมวางเวร” และถ้ากลัวถูกยักษ์กินก็ให้ฆ่าวัวควายฆ่าหมูเสียก่อนที่จะกลายเป็นยักษ์ ผู้ที่เป็นสาวหรือไม่สาวแต่ยังโสด ก็ให้รีบหาผัวเสีย เพราะยักษ์จะมาจับกินเฉพาะคนที่ไม่มีผัว”

ชาวบ้านภาคอีสานสมัยนั้นเชื่อเรื่องนี้อย่างหลงงมงายมาก ในขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐก็มองว่าเป็นแค่ เรื่องเหลวไหลของพวกโง่เขลาเบาปัญญา ไม่นานก็เลิกรากันไปเอง ไม่ต้องไปจัดการแต่อย่างใด ให้คอยติดตามข่าวไว้ก็น่าจะเพียงพอ

ในช่วงปลายปีพ.ศ. 2443 ใกล้ผลของการทำนายจะเกิดขึ้น ผีบุญที่ชาวบ้านเชื่อถือมากที่สุดคือ “ผีบุญมั่น” ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากพากันหยุดทำงาน แล้วไปขุดหินแฮ่มาใส่หม้อใส่ไหบูชาไว้รอท้าวธรรมิกราชมาชุบ แล้วฆ่าวัวฆ่าควายฆ่าหมูเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นยักษ์ ทางราชการจึงเริ่มเห็นว่าท่าไม่ดี จึงให้กำนันผู้ใหญ่ไปห้ามชาวบ้าน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ข่าวลือเรื่องนี้กระจายไปไกลถึงมณฑลอุดร เมืองหล่มสัก เมืองเลย มณฑลนครราชสีมา และข้ามโขงไปถึงเขตปกครองของฝรั่งเศส หรือเมืองเขมรนั่นเอง

สาวโสดทั้งหลายก็กลัวว่าจะถูกยักษ์จับกิน แต่ก็ไม่มีผู้ชายให้เป็นสามี เพราะมัวแต่ไปขุดหินกันหมด ไม่สนใจจะได้เมียฟรี สาวๆ จึงยอมเป็นเมียของผู้ชายพิการ และสอนเรื่องบนเด็กให้แม้กระทั่งกับ “เด็กผู้ชาย” เพื่อเอามาเป็นผัว

ผีบุญฮึกเหิม บุกไปปลุกปั่นชาวบ้านที่เมืองเขมราฐให้มาร่วม พระเขมรัฐประชารักษ์ เจ้าเมืองรู้ทัน จึงดักมาทำความเข้าใจกับชาวบ้านเสียก่อน เมื่อ “ผีบุญมั่น” รู้เข้าก็โกรธ จึงแสดงอิทธิฤทธิ์ยกพวกเข้าตีเมืองเขมราฐ จับเจ้าเมืองและผู้ช่วยอีก 2 คนไปประหาร แล้วจับตัวเจ้าเมืองไว้เป็นหุ่นเชิด

ชาวบ้านบางคน อยากเป็นใหญ่ จึงสวามิภักดิ์กับผีบุญมั่น ผีบุญมั่นจึงแต่งตั้งขึ้นเป็นระดับ “องค์” โกนหัวห่มขาวถือศีลกินเพลเช่นเดียวกับตัวเอง เพื่อขยายอำนาจออกไป พร้อมกับให้ชาวบ้านพกปืนผาหน้าไม้และมีดพร้าเป็นอาวุธ เป็นกองกำลังส่วนตัวของตัวเอง พร้อมกับให้ตากข้าวเหนียวคาดไว้ที่เอวเป็นเสบียงทุกคน สำหรับเตรียมออกศึก ป้องกันการโจมตีของฝ่ายรัฐบาล

ผีบุญมั่นใช้คำพูดว่า “ฟืนไฟอย่าให้ดับ ปืนตับให้คาบชุด อาวุธไว้ขอกข้าง มารโตใดมากล่าวอ้าง ให้ตัดหัวถวายพระองค์ ให้ทุกคนระแวดระวัง”

แล้วให้ชาวบ้านทุกคนขานรับด้วยคำว่า “ช่าช่าช่า” แทนคำว่า “สาธุ สาธุ สาธุ”

559000006908603

กองทัพทหารไทยในสมัยนั้น

เสด็จในกรมฯสรรพสิทธิ์ประสงค์ ผู้ว่าราชการมณฑลอีสาน ทรงเห็นว่าผีบุญเข้าข่ายเป็นกบฏต่อแผ่นดินอย่างชัดเจน จึงรับสั่งทหารนครราชสีมาให้เข้ากวาดล้างผีบุญทางด้านเมืองยโสธรและเสลภูมิ ส่วนทางด้านเมืองอุบลฯ ให้กองพันทหารอุบลฯ จัดทหารไปสืบความเคลื่อนไหว

นายร้อยตรีหรี่ จึงนำทหาร 24 คนไปดูลาดเลา ผ่านไปเพียง 2 วันเหลือทหารเพียงคนเดียว กลับมาในสภาพไม่เหลือเสื้อผ้าติดตัวเลย ทหารเล่าว่า ถูกพวกผีบุญที่ซุ่มดักอยู่เข้าโจมตี พวกผีบุญมีกำลังมากกว่าจึงฆ่าทหารตาย เหลือแต่เขาเพียงคนเดียวที่หนีรอดมาได้ และทราบว่าพวกผีบุญได้ยกกำลังจะไปสังหารท้าวกรมช้าง กรมการเมืองอุบลฯ ที่ออกไปรักษาการอยู่ที่เมืองพนานิคมด้วย

นายร้อยเอกหลวงชิตสรการ (จิตร มัธยมจันทร์) ผู้บังคับกองทหารปืนใหญ่ จึงได้รับมอบหมายให้นำทหารไป มากกว่า 100 คน พร้อมปืนใหญ่ 2 กระบอก เพื่อไปดักกองทัพผีบุญ แล้วก็เป็นไปตามคาด กลุ่มผีบุญถูกฆ่าตายเป็นจำนวนมาก พวกที่รอดตายก็แตกกันกระเจิงไปคนละทิศละทาง ส่วนองค์มั่นเมื่อเห็นทหารยิงปืนใหญ่นัดที่ 3 ก็รีบถอดชุดขาวห่มขาวออก แต่งเป็นชาวบ้านหลบหนีไปพร้อมกับสาวกประมาณ 10 คนที่เป็นหน่วยคุ้มกัน โดยไม่ลืมที่จะแบกหีบสมบัติข้ามโขงไปด้วย ทิ้งศพสาวกที่ตายเกลื่อนมากกว่า 300 ศพ

559000006908602

สาวกของผีบุญที่ถูกจับเป็น

สาวกผีบุญที่ถูกจับเป็นกว่า 400 คน ซึ่งมีจำนวนมากจนคุกรับไม่ไหว จึงต้องเอาไปขังไว้กลางทุ่งสีเมือง ตากแดดตากฝนจนกว่าคณะตุลาการจะสอบสวนและตัดสินเสร็จ ส่วนคนที่เป็นชาวบ้านหลงมาเข้าเพราะความโง่เขลา ก็ปล่อยไป แต่บรรดาองค์ต่างๆที่ตั้งตัวเป็นผู้วิเศษหวังจะเป็นใหญ่ ก็ถูกตัดหัวเสียบประจานกันทั่วหน้า ไม่ให้เป็นเยี่ยงเป็นอย่างต่อไป

ในขณะที่พระครูอิน เจ้าอาวาสวัดหนองอีตุ้ม กับพระสงฆ์อีก 3 รูปที่ไปเข้ากับกลุ่มผีบุญด้วย ก็ยังให้บวชเป็นสมณเพศพุทธศาสนาต่อไป แต่ถ้าสึกออกมาเมื่อไหร่ก็จะถูกจำคุกไว้ตลอดชีวิตเช่นกัน

ไม่มีรายงานว่า “ผีบุญมั่น” เป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ชาวบ้านหลายคนที่ยังงมงายก็เชื่อว่า เขาหนีไปได้เพราะอิทธิฤทธิ์นั่นเอง

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก manager