“ผู้หญิง” ที่ถูกขนานนามว่า “โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุดในโลก”!!!!

“ผู้หญิง” ที่ถูกขนานนามว่า “โหดเหี้ยมอำมหิตที่สุดในโลก”!!!!

อลิซาเบธ_c2k1-24

หมายเหตุ รูปภาพด้านบนเป็นรูปภาพเหมือนของ อลิซาเบธ บาโธรี่ ของเธอเพียงรูปเดียวที่มีอยู่ เขียนขึ้นในปี ค.ศ.1585 ขณะที่เธอมีอายุ 25 ปี แต่เป็นที่น่าเสียดายที่รูปภาพต้นฉบับถูกขโมยไปในช่วงปี 1990 ปัจจุบันยังคงหาไม่พบ

ผู้หญิงคนนี้ชื่อ “อลิซาเบธ บาโธรี่” (Elizabeth Bethory) หญิงสาวที่เกิด ในตระกูลบาโธรี่ (Bethory Family) ตระกูลขุนนางชั้นสูงของฮังการี่ (Hungary) และสืบสายมาจากตระกูลแฮบสเบิร์กอันเก่าแก่ของยุโรป ตระกูลบาโธรี่นี้ร่ำรวยและมีอำนาจมากมาย ปกครองแคว้นทรานซิลวาเนียมาหลายต่อหลายยุคสมัย 

แต่ถึงอย่างนั้น ตระกูลนี้ก็เป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีการแต่งงานกันเองในหมู่เครือญาติเพื่อรักษา ทรัพย์สมบัติและอำนาจเอาไว้ ซึ่งนั้นทำให้เกิดความบกพร่องทางพันธุ์กรรมขึ้น

อลิซาเบธ_Screen Shot 2016-06-25 at 3.38.31 PM

ภาพจำลองปราสาทของอลิซาเบธ บาโธรี่

ผู้รู้สันนิษฐานว่า “อลิซาเบธ” เองก็ติดโรคนี้เช่นกัน เพราะเธอมีอาการป่วยเป็นโรคปวดหัวเรื้อรัง มีคำกล่าวว่า “มีอยู่ครั้งหนึ่ง อลิซาเบธ บาโธรี่ เกิดปวดหัวอย่างหนัก ซึ่งทำให้เธอควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำให้เธอกัดเนื้อของสาวรับใช้จนขาด ทำให้สวยใช้ร้องด้วยความเจ็บปวด และเป็นที่น่าประหลาดใจคือ อลิซาเบธ บาโธรี่ ก็หายปวดหัวในทันที” และนั้นเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์ของ ฆาตกรหญิงที่อำมหิตที่สุดในโลก ด้วยจำนวนเหยื่อที่คาดว่าสูงถึง 650 ศพ

ตำนานความโหดเหี้ยมของอลิซาเบธ บาโธรี่

อลิซาเบธมีอาการป่วยเป็นโรคปวดหัวเรื้อรังจนตลอดชีวิตของเธอ มีคนกล่าวว่าในสมัยเด็กที่เธอเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงจนกัดเนื้อหลุดออก มาจากไหล่ของสาวใช้ที่เข้ามาพยาบาล และเมื่ออลิซาเบธได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวใช้ น่าแปลกที่อาการปวดหัวของเธอกลับหายเป็นปลิดทิ้ง นับแต่นั้นมา ทุกครั้งที่อลิซาเบธเกิดอาการปวดหัว เธอก็จะทรมานสาวใช้เพื่อให้เสียงร้องเหล่านั้นเป็นยาระงับอาการของเธอ

อลิซาเบธ_Portrait_of_Count_Ferenc_Nadasdy_1656

ปี 1575 เมื่ออลิซาเบธอายุ 15 ปี เธอก็แต่งงานกับท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่า 11 ปี (หลังจากแต่งงานแล้ว อลิซาเบธก็ยังคงใช้ชื่อตระกูลเดิม)ทั้งสองย้ายที่อยู่ไปยังปราสาทเซติซใน สโลวาเกีย หากฟีเรนซ์มักจะไปออกรบตามที่ต่างๆจนไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท ชีวิตสมรสของเอริซาเบทจึงไม่หวานชื่นเท่าใดนัก อาการปวดหัวของเธอกำเริบถี่ขึ้นและการทรมานสาวใช้ก็ค่อยๆหนักข้อขึ้นทุกที เป็นต้นว่าการแทงเข็มเข้าที่ปลายนิ้วของสาวใช้ หรือจับสาวใช้มาทาน้ำผึ้งทั่วตัวแล้วโยนลงไปในห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยมด แต่นี่ก็ยังไม่นับเป็นการเปิดฉากตำนานเลือดของเธอเลยด้วยซ้ำ

ตำนานเลือดเริ่มต้นขึ้น หลังจากการเสียชีวิตของสามีเธอ หรือ ท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้ ( Ferenc Nedasdy ) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับเธอ ที่อายุมากกว่าเธอ 11 ปี อลิซาเบธจึงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในอาณาจักรเล็กๆ ของเธอ แต่นั้นยังไม่ใช้ทั้งหมดที่เธอต้องการ เธอยังคงต้องการความสวยอันเป็นนิรันดร์ด้วย

เธอจึงเชิญแม่มด หมอผีจำนวนมากมาปรุงตาอายุวัฒนะ แต่ไม่มียาขนานใดจะสามารถหยุดยั่งความแก่ชราของเธอลงได้ มีอยู่วันหนึ่งสายใช้ที่มีหน้าที่ดูแลเธอเกิดหวีผมของเธอขาดหลายเส้น อลิซาเบธโกรธมากจึงใช้เชิงเทียนที่อยู่ใกล้มือกระหน่ำตีสาวใช้จนขาดใจตาย แต่เธอก็ยังไม่ยอมหยุด ยังคงกระหน่ำตีจนเหนื่อย ความโกรธจึงหมดลง และเธอก็พบว่ามีเลือดจำนวนมากกระเด็นมาเปราะเปื้ยนตามเนื้อตัว เธอจึงไปล้างคราบเลือดนั้นออก แล้วสายตาเธอก็มองเห็นว่า ผิวพรรรณในบริเวณดังกล่าวกับดูอิ่มเอิบ เต่งตึงมีน้ำมีนวลขึ้น จึงทำให้เธอพบว่า ยาที่จะคงความสวยอันเป็นนิรันดร์ให้เกิดเธอนั้นไม่ใช่สิ่งใดอื่น แต่เป็น เลือดสดๆของหญิงสาวพรมจรรย์นั้นเอง

อลิซาเบธ_Keszthely_bathory

เมื่อคิดได้ดังนั้น อลิซาเบธก็เริ่มรวบรวมหญิงสาวจากดินแดนของเธอ โดยนำเสื้อผ้าไปแลกมาตัวหญิงสาวมา แน่นอนว่าพ่อแม่ของหญิงสาวเหล่านั้นต่างดีใจที่ลูกของตนจะได้เข้าไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในปราสาท แต่ไม่มีใครคาดคิดว่า เมื่อผ่านเข้าประตูปราสาทไปแล้วจะไม่มีหญิงสาวรายใดได้หวนกลับออกมาอีกเป็นครั้งที่สอง

สาวๆ ต่างเสียชีวิต ด้วยการทรมานด้วยวิธีต่างๆ เช่น การใช้เหล็กร้อนเผาลำคอ ใช้เครื่องทรมานบีบหน้าอก บางครั้งเธอก็ใช้มือทั้งสองของตัวเองล้วงเข้าไปในปากและฉีกร่างของเหยื่อออกเป็นสองซีก เด็กสาวบางคนที่พยายามจะหนีก็ถูกตัดเท้าทิ้ง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อบำบัดอาการปวดศีรษะของอลิซาเบธ และในวาระสุดท้ายของพวกเธอ ก็คือการถูกรีดเลือดสดๆ ออกมาเพื่อประทินความงามแก่ อลิซาเบธ บาโธรี่นั่นเอง

อลิซาเบธ_bath1

ในบันทึกกล่าวว่า มีบางครั้งที่เธอจัดงานเลี้ยงอย่างหรูหรา และเชิญเด็กสาวหน้าตาดี 60 คน มาร่วมงานเลี้ยง และงานเลี้ยงนั้นก็จบลงด้วยการที่ทหารกรูกันเข้ามา ฆ่า รุมข่มขืนเด็กสาวเหล่านั้น แล้วตัดชิ้นส่วนร่างกาย ตัดหัว โยนลงอ่างอาบน้ำของ อลิซาเบธ บาโธรี่ แต่เนื่องจากอ่างนั้นเต็มช้าไม่ทันใจ อลิซาเบธจึงใช้การปาดคอเหยื่อ ให้เลือดสาดกระเด็นมาอาบผิวกายเธอ ประหนึ่งเป็นฝักบัวเลือด

ในบันทึกยังกล่าวอีกว่า เสียงร้องโหยหวนของเหล่าสาวๆ ทำให้อลิซาเบธรำคาญ เด็กสาวบางคนจึงถูกเย็บปาก เพื่อป้องกันการร้องที่ทำให้อลิซาเบธรำคาญใจ

ความอำมหิตของอลิซาเบธ บาโธรี่ ไม่หมดเพียงเท่านี้ เธอได้ตามตัวช่างมาจากเยอรมันเพื่อสร้างเครื่องมือ ที่มีชื่อว่า สาวพรหมจรรย์เหล็ก (Iron Maiden)

อลิซาเบธ_tortur02

“ตุ๊กตาเหล็กนี้มีรูปร่างเป็นร่างเปลือยทาสีเนื้อ ส่วนใบหน้ามีการแต้มเครื่องสำอาง เมื่อกลไกขยับปาก ก็จะปรากฏรอยยิ้มอันเลื่อนลอยและมโหดขึ้นบนใบหน้า ที่อกมีพลอยประดับอยู่เป็นปุ่ม เมื่อกดปุ่ม ตุ๊กตาก็จะค่อยๆยกแขนขึ้น จากนั้นแขนก็จะเคลื่อนมาเป็นกอดอกซึ่งคนที่อยู่ในระยะรัศมีก็จะถูกแขนของ ตุ๊กตากอดไว้ พร้อมกันนั้น ส่วนตัวด้านหน้าก็จะเปิดออกเป็นบานประตู ภายในเป็นช่องกลวงและด้านหลังบานประตูมีเข็มแหลมยาวงอกอยู่ 5 เล่ม ผู้ที่ถูกตุ๊กตากอดไว้จะถูกขังอยู่ภายในตัวตุ๊กตาและถูกเข็มเหล่านี้แทง คั้นเลือดออกมาจนเสียชีวิต”

แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องทรมานดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกใช้งานจริงมากเท่าที่เข้าใจกัน เนื่องจากเข็มทื่อเสียหมดเพราะเป็นสนิมจากเลือด อลิซาเบธจึงออกคำสั่งใหม่ให้สร้างกรงเหล็กขนาดใหญ่ซึ่งมีเข็มแหลมอยู่ภายใน กรงดังกล่าวจะถูกเฟืองโซ่ยกขึ้นสูงจากพื้นโดยมีเด็กสาวอยู่ข้างใน และเมื่อเขย่ากรง เลือดก็จะกระจายลงมาสู่ร่างกายของ อลิซาเบธ ที่อยู่ด้านล่างราวกับเป็นฝนเลือด

ความโหดเหี้ยมของเธอเป็นที่เลื่องลือ ประชาชนก็เริ่มร้องเรียนเรื่องไปยังราชสำนัก แล้วพระเจ้าแมทเทียสที่ 2 ก็ทรงเข้ามาจัดการกับคดีนี้ด้วยพระองค์เอง

ในเดือนธันวาคมปี 1610 เมื่อมาร์ควิสเธอร์โซซึ่งเป็นญาติของอลิซาเบธลงไปยังห้องใต้ดินของปราสาทเซ ติช เขาก็ต้องผงะกับสิ่งที่ตัวเองพบ เครื่องทรมานจำนวนนับไม่ถ้วน รอยเลือดที่ชโลมอยู่แทบทุกที่และศพที่กองเป็นภูเขา บางศพถูกตัดทรวงอก บางศพถูกเฉือนเนื้อ บางศพก็ศรีษะถูกทุบจนแหลก และบางศพก็เต็มไปรู มีเด็กสาวบางคนถูกช่วยออกมาได้ แต่ก็ยากที่บอกว่าพวกเธอปลอดภัยดี หลายคนถูกบังคับให้กินเนื้อจากศพของเด็กสาวคนอื่น

อลิซาเบธ_Screen Shot 2016-06-25 at 3.37.36 PM

หอคอยที่อลิซาเบธถูกขัง แบบปิดตาย มีเพียงรูเล็กๆ ที่เอาไว้ให้อาหารและเครื่องดื่มกับเธอ

ในเดือนมกราคมปี 1611 การตัดสินคดีของอลิซาเบธถูกจัดขึ้นที่พิซเซ่ แต่ถึงอย่างนั้นอลิซาเบธก็ยังไม่ต้องมาขึ้นศาลด้วยตัวเอง นื่องจากฎีกาของตระกูลบาโธรี่ เธอก็รอดพ้นจากโทษประหารในขณะที่ผู้มีส่วนร่วมในการสังหารทุกคนต่างก็ถูก ตัดสินโทษเผาทั้งเป็น

การตัดสินโทษของอลิซาเบธถูกโอนให้เป็นอำนาจของตระกูลบาโธรี่ และโดยผลการประชุมของตระกูล อลิซาเบธก็ถูกตัดสินให้ถูกจองจำอยู่ในปราสาทเซติชไปจนตลอดชีวิตในห้องขังอันมืดมิด ประตูถูกโบกปูนปิดตาย เหลือเพียงช่องเล็กเพื่อส่งอาหาร และเครื่องดืมแก่เธอเท่านั้น

อลิซาเบธเสียชีวิตใน 3 ปีให้หลัง แต่บางตำนานก็บอกว่า เธอหนีออกไปได้และกลายเป็นผีร้ายอยู่ในป่า รวมอายุได้ 54 ปี 14 วัน ในเมือง Čachtice ประเทศสโลวาเกีย

ปิดตำนานเลือดของฆาตกรต่อเนื่องสาวที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลก ด้วยศพสาวพรหมจรรย์ที่มีจำนวนมากกว่า 650 ศพ

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก dek-d elizabethan-era และ wikipedia