ชีวิตไม่สิ้นหวัง… ครูสาวบ้านนอกปลดหนี้กว่า 5 ล้าน สู้ชีวิต ทำทุกอย่างเพื่อหาเงิน แม้ต้องคุ้ยขยะก็ไม่อาย สุดท้ายเป็นเจ้าของธุรกิจ และเรียนปริญญาเอกได้ไง!!!!

ชีวิตไม่สิ้นหวัง… ครูสาวบ้านนอกปลดหนี้กว่า 5 ล้าน สู้ชีวิต ทำทุกอย่างเพื่อหาเงิน แม้ต้องคุ้ยขยะก็ไม่อาย สุดท้ายเป็นเจ้าของธุรกิจ และเรียนปริญญาเอกได้ไง!!!!

re_tnews_1462268599_4030

“คุณแอ๊ฟ” ศริญญา พละพงค์ สาวอุบลฯ วัย 30 ปี ที่ครอบครัวมีพ่อเป็นข้าราชการ แต่เบื้องหลังกลับต้องแบกหนี้ไว้จำนวนมาก เพราะการกู้ยืมเพื่อส่งเสียลูกๆ เรียน บ้านที่เคยอยู่ก็เกือบโดนยึด ทำให้เธอต้องดิ้นรนหาทางออก ทำธุรกิจหลายอย่างจนล้มเป็นหนี้กว่า 5 ล้าน แต่ด้วยความไม่ท้อและไม่อยากเห็นพ่อแม่ต้องลำบาก จึงสู้สุดชีวิต

“ครอบครัวของแอ๊ฟมีพี่น้องทั้งหมด 4 คนค่ะ ตัวแอ๊ฟเป็นลูกคนที่ 2 คนในหมู่บ้านหลายคนจะมองว่าบ้านเรามีฐานะดี มั่นคง เพราะพ่อรับราชการ ส่วนแม่ก็เป็นแม่บ้านไม่มีอาชีพ ซึ่งความจริงแล้วพ่อเงินเดือนน้อย แต่ต้องหาเงินมาส่งเสียลูกอีก 4 คนเพื่อให้ได้เรียนเลยต้องไปหากู้ยืม เอาบ้านไปเข้าธนาคาร จะโดนยึดอยู่แล้ว ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็กประถม เราไม่รู้หรอกว่าท่านทุกข์ขนาดไหน ก็ใช้ชีวิตไปวันๆ ตามประสาเด็ก”

re_Unknown-1 re_Unknown-2

เธอไปหาเงินโดยไปคุ้ยขยะแต่พ่อแม่ไม่รู้ว่าลูกไปไหน ไปเช้า กลับเย็น จึงมองเธอว่าเป็นเด็กเกเร มีแต่เที่ยวเล่นตามหมู่บ้านไปวันๆ

“จำได้ว่าช่วงวัยเด็ก ป.1-ป.3 พ่อกับแม่ค่อนข้างห่วงเรามาก เพราะเราชอบออกไปนอกบ้านตั้งแต่เช้ากลับมาก็เย็นๆ ทุกวันพ่อจะถือไม้เรียวยืนรอตลอด ไม่มีวันไหนที่ไม่โดนตี เรียกได้ว่าพ่อกับแม่มองว่าเราเป็นเด็กเกเร หนีเที่ยว ติดเพื่อน เลยต้องมีการสั่งสอนให้จำ แต่เราก็ไม่เคยจำนะ ยังออกไปเหมือนเดิม เพราะคิดว่าทำแล้วได้เงินมาเก็บ มาซื้อของที่เราอยากได้  จนท่านต้องนั่งกุมขมับ เอือมระอากับพฤติกรรมของเรา

แต่ความจริงแล้วเราออกไปหาเงินเพื่อมาเก็บสะสมโดยการเก็บขยะมาขาย ไปเก็บตามข้างโรงเรียนบ้าง ตามเนินขยะบ้าง ยิ่งพวกหม้ออลูมิเนียม เหล็ก จะได้ราคาดีมากๆ พวกกระป๋องด้วยเหยียบๆๆ แล้วเอาไปชั่งกิโลขาย เก็บเงินสะสมมาเรื่อยๆ ได้เงินกว่า 600 บาท เราตากแดดไม่กลัวดำเลยนะ บางครั้งก็ต้องไปแย่งกับพวกผู้ใหญ่จนเขาด่ากราดกลับมาก็มี ก็วิ่งหนีกันแล้วไปหาแหล่งใหม่ จนมีวันหนึ่งแม่นั่งคุยกับพ่อว่าไม่เหลือเงินสักบาทแล้ว หาทางจะไปยืมคนโน้นคนนี้ก็ไม่กล้า เพราะกลัวเขาไม่ให้ยืมและว่ากลับมา พอได้ยินแบบนั้น ก็คิดขึ้นๆได้เรามีเงินเก็บอยู่นิ ก็เลยขึ้นไปหยิบเงินในกระปุกออมสินที่ทำขึ้นเอง โดยใช้ขวดแป้งที่ใช้หมดแล้วมาเจาะบนหัวให้เป็นรู เราสะสมได้ตอนนั้น 600 บาท แม่กับพ่อถามว่าเอาเงินมาจากที่ไหน เราตอบไปว่า ได้จากการเก็บขยะนี่แหละ ที่แอ๊ฟออกไปทุกวัน  แอ๊ฟสะสมไว้  แอ๊ฟเอามาให้แม่ วันนั้นพ่อกับแม่เลยรู้ว่าที่เราออกไปทุกวันๆ ไม่ได้ไปเกเรที่ไหน แต่ไปหาเงินด้วยตัวเองต่างหาก ซึ่งก็ไปกับเพื่อนข้างบ้านที่เป็นลูกชาวประมงเขาจะชอบชวนออกไปหาเงินเรียกได้ว่าชอบทำอะไรด้วยตัวเอง ทั้งจับตั๊กแตน จับปลามาผัดกินเป็นอาหาร ประหยัดค่ากับข้าวไม่ต้องไปซื้อคนอื่นกิน”

แต่ช่วงหลังๆ ก็ต้องเลิกเก็บขยะขายแล้วเพราะเป็นภูมิแพ้ เลยเปลี่ยนมาขายแคทตาล็อกในหนังสือการ์ตูนแทนตอนช่วงช่วง ป.4-ป.6 ทำให้เรารู้ว่าเราชอบการขายมากกกกกก เพราะการขายจะมีเงินเข้ามือตลอด  เกือบทุกวัน ตอนนั้นแอ๊ฟจะได้เงินไปเรียนจากพ่อแค่วันละ 3-5 บาทเท่านั้น แต่ก็พอใช้ เพราะแอ๊ฟเป็นคนใช้ประหยัด และหลังจากเริ่มรู้ความจริงหลายๆ อย่าง พ่อกับแม่ก็มองแอ๊ฟในแง่ดีมากขึ้น”

วัยรุ่นคือช่วงที่วิกฤติสุดๆ ทั้งทำให้พ่อแม่ผิดหวังและสร้างหนี้กว่า 5 ล้าน!!

จากเด็กหัวกะทิ ตั้งใจเรียนมาโดยตลอด เป็นความหวังของครอบครัว แต่พอโตขึ้นในวัย 20 กลับโดนความรักจากผู้ชายคนหนึ่งทำร้าย เป็นธรรมดาที่จะต้องเสียใจมาก เพราะรักครั้งแรก  แอ๊ฟตอนนั้น เธอเหมือนคนมืดแปดด้าน ไม่กล้าปรึกษาใคร  เพราะกลัวพ่อแม่ครอบครัวเสียใจไปด้วย ได้แต่ยิ้มเวลาเจอพ่อแม่ แต่ลับหลังเธอร้องไห้ทุกคืน  มองไปทางไหนก็เจอแต่สิ่งที่ทำกับเขา สถานที่ต่างๆ ที่เคยไปด้วยกัน จนเธอทนไม่ไหวต่อมาเธอเลยตัดสินใจหนีออกจากบ้านข้ามจังหวัดเพื่อไปใช้ชีวิตเริ่มต้นใหม่ หางานทำเป็นเวลากว่า 2 ปี จนต้องดรอปเรียน ทำให้พ่อแม่เสียใจมาก แต่สุดท้ายพี่สาวก็ดึงเธอกลับมาสู่โลกแห่งความจริงได้ และให้ชีวิตใหม่เธอด้วยการเป็นครูผู้ดูแลเด็กในศูนย์เด็ก

“มันมีจุดนึงที่ทำให้เราคิดได้ว่า เราต้องสู้เพื่อคนที่รักเรา ไม่ใช่งมงายกับผู้ชายที่ไม่เห็นค่าในตัวเราเลย คือวันนั้นเรากำลังเดินเข้าบ้านได้ยินพ่อนั่งคุยโทรศัพท์กับแม่ คล้ายกับแม่ถามว่ากินข้าวกับอะไร? พ่อก็ตอบไปว่า

re_Unknown

กินข้าวกับไก่ปิ้งไม้ละ 5 บาท แล้วก็ข้าวเหนียว 10 บาท มีเงินแค่ 20 บาทเท่านั้น กินแค่นี้ก็อิ่มแล้วล่ะ….พอได้ยิน ถึงกับจุกอกเลย เพราะเราคิดว่า บางทีเราไปกินอาหารดีดี หมดเงินเป็นพัน ได้อะไร? ทำไมเราปล่อยให้พ่อแม่เราทุกข์ขนาดนี้ เรามองข้ามคนในครอบครัวเราไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ เห้ย!! เราก็หาเงินได้แล้วนิ แต่ทำไมเราหาเลี้ยงดูพ่อแม่ไม่ได้ ปล่อยให้ท่านทุกข์ขนาดนี้ได้ยังไง ตั้งแต่นั้นมาก็คิดใหม่ ทำให้ คิดอยากเรียนสูงๆ หาเงินเยอะๆ เลยตั้งใจเรียนใหม่ ทำงานเป็นครูผู้ดูแลเด็กด้วย เรียนไปด้วย จนจบปริญญาตรีได้ 2 วุฒิคือการบัญชี และไปเรียนวุฒิครู เอกการศึกษาปฐมวัยเพิ่ม และหลังจบเธอได้เรียนปริญญาโท บริหารการศึกษาต่อ และจบโท เธอได้ต่อปริญญาเอกทันที   ปัจจุบัน รับราชการครู อยู่ที่โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านโพธิ์กลาง) อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี”

แต่พอช่วง 25 วัยเบญจเพส ชีวิตเกือบล้มละลายครั้งใหญ่!!! จากความอยากมีเงินเยอะๆ โดยทำธุรกิจหลายอย่าง ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่มีประสบการณ์ โดนตราหน้าว่าทำอะไรก็เจ๊ง เธอทำทุกอย่างด้วยตัวเองและด้วยการแข่งขันที่ดุเดือดในช่วงนั้น ทำให้ธุรกิจเล็กๆ หลายตัวของเธอต้องปิดตัวลง ขาดทุนไปกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ขาดทุน 5 ล้านบาทนี้เป็นเงินคนอื่นที่เธอยืมมาด้วย เธอต้องเอารถที่มีไปจำนำ ขายของในบ้านที่พอจะขายได้มาใช้หนี้ เธอคิดสั้นหลายครั้ง แต่เธอก็คิดถึงหน้าพ่อกับแม่ที่เลี้ยงเธอด้วยความยากลำบากและยังไม่ตอบแทนคุณท่านเลยตอนนั้นแทบอยากมุดแผ่นดินหนี หันไปหาใครก็ไม่มีใครช่วยเหลือ หนำซ้ำโดนนินทา ว่าร้าย โทรหาใครก็ไม่อยากรับ กลัวเรายืมเงิน

จนในที่สุดเธอตัดสินใจสู้อีกครั้ง เธอพยายามมองหาธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุน แต่ใช้แรง ได้เงินตอบแทนสูง เธอมองเห็นธุรกิจค้าขายออนไลน์ ที่กำลังบูมในขณะนั้นเลยตัดสินใจสมัครเป็นตัวแทนของแบรนด์อื่นๆ สะสมประสบการณ์เก็บเงินทุนด้วย ใช้หนี้ไปด้วย กินน้อยลง และนั่นก็เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เธอมีชีวิตเปลี่ยนไป มีเงินเลี้ยงครอบครัว เรียนต่อในระดับสูง และมีธุรกิจแบรนด์เครื่องสำอางค์เป็นของตัวเองในวันนี้

“ตอนเป็นตัวแทนเราก็ขยันโพสขายไปเรื่อยเกือบๆ ปี กว่าจะมีลูกค้า  นานไปลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรามีเงินสะสมก้อนนึง มีฐานตัวแทนพอประมาณ เลยคิดทำแบรนด์เป็นของตัวเองขึ้น หลังจากนั้นก็เก็บเงินใช้หนี้ประมาณ 1 ปี แบรนด์เราก็บูมและสามารถปลดหนี้ของตัวเองได้ มีเงินให้พ่อแม่ใช้ทุกวันไม่ขาดมือ ตอบแทนผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเหลือเราตอนทุกข์ บอกเลยว่าภาคภูมิใจมากๆ ที่มีโอกาสเลี้ยงพ่อแม่คืน  ทุกวันนี้เราก็ไม่เคยปล่อยให้ท่านลำบาก เพราะดูแลอย่างดีค่ะ รวมถึงน้องคนสุดท้องที่ยังเรียนอยู่ เราก็ส่งเสียค่าเทอมค่าหอ ค่าอยู่ ค่ากิน ให้ตลอด ทำหน้าที่ลูกและพี่สาวไม่ขาดตกบกพร่อง

เราเชื่อว่าวัยรุ่นทุกคนต้องเคยผ่านในจุดนั้นของชีวิตมาหมด ทั้งความลำบาก เกเร ล้มเหลว เป็นหนี้ ทำให้พ่อแม่เสียใจ ร้องไห้กับเรา มันเป็นเรื่องธรรมดาค่ะของช่วงวัยรุ่น ตอนนั้นตัวเราอาจคิดแค่ว่าเราถูกเสมอ ถูกทุกเรื่องที่ทำ แต่มันไม่ใช่ พอโตขึ้นเมื่อเรามองย้อนกลับไปมันกลับเป็นเรื่องเละเทะ น่าอับอาย น่าเสียใจมาก มันไม่ได้น่าภูมิใจหรือดูเท่ห์อะไรเลยที่ทำในช่วงวัยรุ่น คิดแต่ว่าตัวเองถูกทุกเรื่องแบบนี้”

re_Unknown-3

re_Unknown-4

เป็นทั้งครู แม่ค้าออนไลน์ และนักศึกษาปริญญาเอก แบ่งเวลายังไง???

“อาชีพครูเป็นอาชีพประจำค่ะ แต่เรามองว่ามันสามารถมีลู่ทางทำเงินอื่นๆ อีกเพื่อหารายได้โดยที่ไม่กระทบกับงานประจำที่ทำอยู่ นั่นก็คือธุรกิจออนไลน์ซึ่งเราจะขายที่ไหนตอนไหน ก็ได้เพราะเราเป็นนายตัวเอง  ปัจจุบันแอ๊ฟมีโรงงานเป็นของตัวเองแล้วภายในเวลาแค่ 2 ปีค่ะ ส่วนการแบ่งเวลาช่วงเช้าถึง 5 โมงเย็นก็ทำงานสอนนักเรียน พอเลิกงานก็เข้าโรงงาน เช็คระบบงานและเงิน เสร็จจากนั้นก็โพสขายออนไลน์ตอบลูกค้าถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง เสาร์ อาทิตย์ก็ไปเรียน ถ้าไม่ทำขนาดนี้ก็ไม่มีเงินมาใช้จ่ายเรียกได้เวลาไม่มีเวลาว่างเลย แต่มีความสุขที่ได้ทำ เพราะเห็นคนรอบข้างชีวิตดีขึ้น มีความสุขขึ้น มีเงินใช้สบาย ไม่เป็นหนี้ใคร เราเพียงแค่บริหารเวลาให้ดีเท่านั้นเองค่ะ อย่าเอานิสัยขี้เกียจมาเป็นข้ออ้างก็พอ”

คุณครูคนเก่ง ผู้เป็นเจ้าของ ธุรกิจเครื่องสำอางค์ “แบรนด์แอ๊บแบ้ว By แอ๊ฟเตอร์ บิวตี้ริช” ที่ดังจนออกรายการทีวี นิตยสารมากมาย และที่สำคัญมีดีกรีนักศึกษาปริญญาเอก บริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลฯ รวมถึงอนาคตผู้อำนวยการคนนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับหลายคนที่สู้ชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะจนหรือล้มลุกคุกคลานมาขนาดไหน หากเราอดทน ขยัน ไม่ท้อและไม่ขี้เกียจขยันทำงานหาลู่ทางทำกิน ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

re_Unknown-7 re_Unknown-8

สุดท้ายนี้เธอยังบอกมาอีกว่า หากใครที่ล้มจนไม่มีทางหาเงินอีก มืดแปดด้าน  เธอยินดีให้คำปรึกษา  ถ้าคุณตั้งใจจริง เธอยินดีจะสอนวิชาและสร้างชีวิตใหม่ให้โดยการให้เป็นตัวแทนขายธุรกิจของเธอ  โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่มีเงินสักบาทก็ทำได้  ขอให้คุณศรัทธา รัก และเชื่อมั่นในสิ่งที่จะทำเท่านั้นก็พอแล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก และเครดิตภาพจาก tnew และ appterbeautyrich