ประวัติ “พ่อท่านพรหม” พระที่ “ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก” ท่านใช้วิชาอะไร

ประวัติ “พ่อท่านพรหม” พระที่ “ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก” ท่านใช้วิชาอะไร

พ่อท่านพรหม 1

หลายคนอาจยังไม่เคยรู้จัก “พ่อท่านพรหม” วัดพลานุภาพ แต่ถ้าบอกว่าเป็นพระที่เป็นแบบฉบับของคำว่า “ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก” หลายคนคงร้อง อ๋อ!!! ขึ้นมาทันที

“พ่อท่านพรหม” เกิดเดือนสิงหาคม พ.ศ.2461 ตรงกับวันเสาร์ เดือน 9 ปีมะเมีย โยมบิดาชื่อ นายสีแก้ว ราชบุตร โยมมารดาชื่อ นางคำแก้ง ราชบุตร
อุปสมบทครั้งที่ 1  : เมื่อ พ.ศ.2481 ณ วัดห้วยเงาะ จังหวัดปัตตานี
อุปสมบทครั้งที่ 2   : เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2530 ณ วัดพลานุภาพ
(ทันทีที่อุปสมบทเสร็จ ก็ได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่ป่าช้าของวัดห้วยเงาะเป็นระยะเวลา 5 ปีกว่า ก่อนที่จะมาเป็นเจ้าอาวาสวัดพลานุภาพจวบจนกระทั่งปีปัจจุบัน)

พ่อท่านพรหม 2

ประวัติของ พ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ เท่าที่ได้ทราบมาจากการที่เล่าให้ฟังบ้างคนใกล้ชิดสนิทท่านเล่าให้ฟังบ้าง ทำให้พอทราบได้ว่าท่านเป็นผู้คงแก่เรียน ชอบที่จะศึกษาวิชาความรู้ในศาสตร์หลายแขนง เป็นผู้รอบรู้และแตกฉานในวิชาอาคมต่าง ๆ มากมาย นอกจากนี้ท่านยังมีความรู้ทางด้านสมุนไพรโบราณมาตั้งแต่เด็ก ๆ ท่านเล่าว่า ท่านได้รับการถ่ายทอดมาจากบิดาของท่าน ช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิต ท่านได้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติอย่างเต็มกำลังมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นทางด้านการพัฒนาท้องถิ่น การสนองกิจการตามนโยบายของรัฐ หรือแม้กระทั้งการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากให้กลับมามีชีวิตที่ดีขึ้น จนทำให้ท่านเป็นที่รักและเคารพของชาวไทยพุทธและอิสลามเป็นจำนวนมาก

ในที่สุดท่านจึงได้รับเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน “บ้านลาแล – เมาะยี” ตำบลกาบัง อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ท่านได้ทำหน้าที่นี้อยู่ประมาณ 18 ปี จึงรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตทางโลก ท่านว่าชีวิตของท่านได้ทำคุณประโยชน์ให้กับทางโลกมาแล้วมากมายหลายด้าน จึงตั้งจิตด้วยศรัทธาอันแน่วแน่ เข้ารับการอุปสมบทเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2530 ณ พัทธสีมาวัดพลานุภาพ หลังจากนั้นจึงได้ไปจำพรรษาอยู่ในป่าช้าของวัดห้วยเงาะ เพื่อปลีกวิเวก ปฏิบัติธรรมบำเพ็ญบารมี เป็นระยะเวลาถึง 5 ปีเศษ จนกระทั่งวันที่ 7 กรกฎาคม 2536 ท่านจึงได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดพลานุภาพ (หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดทุ่งพลา) จวบจนกระทั่งปัจจุบัน

พ่อท่านพรหม ท่านเป็นพระที่มีเมตตาบารมีสูงมาก เป็นพระที่สมถะและถือสันโดษ ไม่ โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ใครที่เคยไปกราบท่านจะรู้สึกถึงความเป็นเนื้อนาบุญแท้ ๆ ของท่านได้ทันที ท่านมักกล่าวให้ได้ยินบ่อย ๆ ว่า “ชีวิตที่เหลือของท่าน ท่านขออุทิศให้แก่ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์” สรรพวิชาอาคมต่าง ๆ ที่ท่านได้ร่ำเรียนมา ท่านไม่เคยหวง ใครให้ทำอะไร ท่านก็จะทำให้โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ก่อนหน้านี้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่เคารพนับถือเฉพาะในหมู่ลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดและชาวบ้านในหมู่บ้านละแวกใกล้วัดทั้งไทยพุทธและอิสลาม มาระยะหลังนี้เกียรติคุณและบารมีของท่านเริ่มโด่งดังขจรไปทั่วมากยิ่งขึ้นสืบเนื่องมาจากวัตถุมงคลที่ท่านได้แจกให้กับชาวบ้านและเหล่าทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำไปบูชาติดตัวได้ก่อเกิดประสบการณ์ให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในหลาย ๆ ด้าน เช่น ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก โดนขว้างระเบิดแล้วไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย แม้กระทั่งบางรายโดนฟ้าผ่าเข้าอย่างจังก็ยังมีชีวิตรอดมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรื่องที่โด่งดังมากที่สุด ก็คือ เรื่องที่ทหารแห่มาที่วัดกันเป็นจำนวนมาก เพื่อมาขอรับวัตถุมงคลจากท่านพร้อมกับเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนทหารท่านหนึ่งถูกยิงหลายนัดแต่ไม่เข้าในตัวมีวัตถุมงคลของพ่อท่านพรหมเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น

พ่อท่านพรหม 3

นอกจากนี้พ่อท่านพรหมท่านยังเป็นเกจิที่มีความสุดยอดในการประกอบพิธีสะเพาะเคราะห์และเสริมต่อชะตาชีวิตที่เห็นผลกันมานักต่อนักจนเป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว แม้แต่พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ และพ่อท่านพล วัดนาประดู่ รวมถึงเกจิอาวุโสหลายท่านในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังกล่าวชมให้กับลูกศิษย์ลูกหาของท่านแต่ละท่านได้ยินได้ฟังบ่อย ๆ

ที่ได้กล่าวไปในข้างต้นทั้งหมดเจตนาเพียงเพื่อต้องการสร้างศรัทธาและต้องการเผยแพร่เกียรติคุณของพระที่ดี ๆ อย่างพ่อท่านพรหมเท่านั้น ครั้งหนึ่งเคยมีคนเรียนถามท่านว่า “ที่ยิงไม่เข้า ยิงไม่ออก ท่านใช้วิชาอะไร” ท่านตอบกลับมาด้วยอาการสงบไม่มีความยินดียินร้ายใด ๆ ทั้งสิ้นว่า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ฉันก็ทำของฉันไปอย่างนั้นแหละอย่าไปสนใจกับมันเลย” นี่เป็นคำตอบของพ่อท่านที่มีผู้ได้ยินมาจริง ๆ เพราะท่านเป็นพระที่ไม่ชอบโอ้อวด ชอบที่จะถ่อมตนอยู่เสมอ ทุกวันนี้ถ้ามีใครไปถามท่านเรื่องแบบนี้ ก็จะได้รับคำตอบกลับมาในลักษณะนี้ทุกครั้งไป

สาธุๆๆ อนุโมทนามิ

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก shopat7