เขา คือ ผู้ชายคนเดียวที่กล้า “ปฏิเสธฮิตเลอร์” นักฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นี่คือ ความกล้าหาญ หรือ ลนหาที่!!!

เขา คือ ผู้ชายคนเดียวที่กล้า “ปฏิเสธฮิตเลอร์” นักฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นี่คือ  ความกล้าหาญ หรือ ลนหาที่!!!

1

เขา คนนี้ชื่อ “ออร์กุส แลนเมสเซอร์” ผู้ชายเพียงคนเดียวที่ยืนกอดอก ไม่ยอมทำความเคารพ ฮิตเลอร์ผู้นำพรรคนาซีแบบ “Sieg Heil” ในระหว่างการปฏิบัติการของนาซีที่ท่าเรือ Blohm & Voss ในแฮมเบิร์ก วันที่ 13 มิ.ย. 1936

ท่าทำความเคารพอันโด่งดังของกลุ่มนาซีเริ่มมีการนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงปี 1930 จนกลายมาเป็นท่าทำความเคารพต่อผู้นำ ฮิตเลอร์ ที่มีชื่อว่า ‘sieg heil’ (แปลว่าการอวยพรแห่งชัยชนะ) เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความจงรักภักดีต่อกลุ่มผู้นำ

2

ออร์กุส แลนเมสเซอร์ ปฏิเสธที่จะทำสัญลักษณ์นั้นในระหว่างการปรากฏตัวของ ฮิตเลอร์ ในปี 1936 ทั้งที่แท้จริงแล้วคือชายผู้ภักดีต่อนาซี

แลนเมสเซอร์ เข้าร่วมพรรคนาซีในปี 1931 และปฏิบัติหน้าที่อย่างหนักจนกระทั่งได้เป็น นักกฎหมายความสัมพันธ์ทางการเมือง เพียงหนึ่งเดียวในประเทศ สองปีให้หลังแลเมสเซอร์ตกหลุมรักหญิงชาวยิวที่มีชื่อว่า เออม่า เอกเลอร์ และขอเธอแต่งงานในปี 1935 (ทั้งที่ขณะนั้นชาวยิวกำลังค่อยๆ ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์)

เมื่อเรื่องการหมั้นถูกเปิดเผยแลนเมสเซอร์ก็ถูกไล่ออกจากพรรคนาซี แต่พวกเขาอยากจดทะเบียนสมรสที่แฮมเบิร์ก แน่นอนว่าถูกปฏิเสธเพราะกฎหมายใหม่ที่มีชื่อว่า Nuremberg Laws ต่อมาในเดือนต.ค. ปี 1935 พวกเขาก็มีลูกสาวคนแรก อินกริด

เหตุการณ์ที่ทำให้โลกต้องจากรึก เมื่อแลนเมสเซอร์ปฏิเสธที่จะทำท่าเคารพต่อผู้นำนาซีในวันที่ 13 มิ.ย. 1936 ท่ามกลางผู้คนที่ทำท่านั้นกันอย่างพร้อมเพรียง เขากลายเป็นจุดเด่นอย่างที่สุด ในวันนั้นแลนเมสเซอร์หนีออกจากเยอรมันเพื่อข้ามพรมแดนไปยังเดนมาร์กแต่ก็ถูกจับกุมได้ที่ชายแดนพร้อมข้อหา “ไม่ให้เกียรติต่อเผ่าพันธุ์ตนเอง” (มีข้อหานี้ด้วยแหะ)

3

(เอกเลอร์ ภรรยาสาวชาวยิว ที่ต่อมาถูกจับขังแยก)

ปีถัดมาแลนเมสเซอร์รอดพ้นจากข้อกล่าวหาแต่ถูกกีดกันไม่ให้คบหาต่อกับเอกเลอร์ แต่เขารักภรรยามาก จึงตัดสินใจไม่ทิ้งภรรยา แต่ทิ้งกฎหมายแทน จนในที่สุดเขาก็ถูกจับได้อีกครั้งในปี 1938 และต้องถูกคุมขังอยู่ในค่ายกักกันของนาซีถึงเกือบ 3 ปี โดยที่เขาไม่อาจรู้เลยว่าจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าภรรยาและลูกอีกแล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจลับเข้าจับกุมเอกเลอร์ที่กำลังตั้งครรภ์ลูกสาวคนที่สอง เธอต้องให้กำเนิดลูกสาว ไอรีน ในคุก และถูกส่งไปยังค่ายกักกันหญิงทันทีหลังคลอดบุตร เชื่อกันว่าเอกเลอร์ถูกส่งต่อไปยังที่ที่นาซีเรียกกันว่า “ศูนย์การุณยฆาต” ในปี 1942 ที่ซึ่งเธอถูกสังหารร่วมกับหญิงสาวอีกว่า 14,000 คน

หลังจากพ้นโทษแลนเมสเซอร์ทำงานหลายอย่างก่อนจะถูกเกณฑ์ไปรบในปี 1944 หลายเดือนให้หลังเขาก็ถูกประกาศว่าหายตัวไปในระหว่างการปฏิบัติการที่โครเอเชีย

แม้เขาจะไม่ได้รับอิสระในการทำทุกสิ่งที่เขารัก หรือได้อยู่กับคนที่เขารัก แต่ความกล้าหาญ เข้มแข็ง และเด็ดเดี่ยวต่อรักแท้ ที่ไม่กลัวว่าความตาย หรือการไม่ได้เข้าพวก ก็ทำให้เขาได้รับการจารึกในความกล้าหาญ และมีอิสรภาพทางใจ มาตั้งแต่ปี 1936 จวบจนปัจจุบัน

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก Business Insider   และ kiitdoo