“ห้อยพระ” ยังไงให้เกิดปาฏิหาริย์… ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!!!!
หลายคนเชื่อว่า พระเครื่องที่ทำจากดิน ปูน โลหะชิ้นเล็กๆ มีพลานุภาพมาก บูรพาจารย์ท่านได้สอนหลักวิธีห้อยพระที่ถูกต้องเอาไว้
ก่อนอื่นขอให้เข้าใจถึงวัตถุประสงค์แรกว่า พระทุกองค์ที่สร้างขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป พระเครื่อง เพื่อให้ระลึกถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อพาชีวิตไปสู่ความสุขความเจริญ เพื่อเตือนสติหากจิตตกนำไปสู่การทำชั่วทั้งปวง
การสร้างพระเครื่องให้ได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ในแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ที่อยู่ๆ ใครก็จะลุกขึ้นมาทำได้ เพราะตามหลักที่โบราณาจารย์ได้วางเอาไว้นั้น มีกระบวนการในการสร้างที่ละเอียดซับซ้อนหลายขั้นตอน
เช่น การเตรียมมวลสารต่างๆในการผสมสร้างพระเครื่อง การลงอักขระเลขยันต์ในแผ่นทอง การรวบรวมว่านศักดิ์สิทธิ์ 108 ชนิด การบวงสรวงไหว้พรหมเทพเทวดา ครูบาอาจารย์เพื่อขอบารมีให้มาช่วยในการสร้างพระเครื่อง การปลุกเสกพระเครื่องด้วยการทำสมาธิภาวนาท่องบ่นมนต์คาถาต่างๆ ให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ตามที่ต้องการ
หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.อยุธยา บูรพาจารย์ที่ได้เคยกล่าวสอนลูกศิษย์ในการสร้างพระเครื่องไว้ อยากให้ทุกท่านได้อ่านจะได้เข้าใจว่าพระเครื่องแต่ละองค์ที่มาจากครูบาอาจารย์ผู้ประพฤติชอบและมีความรู้จริงนั้นทำไมถึงมีพลานุภาพมาก
“…ต้องอาราธนาบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยสาวกทุกองค์ ตลอดจนพระพรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย การชุมนุมบวงสรวงเช่นนี้ประเดี๋ยวก็เสร็จไม่ต้องถึงสามเดือนอย่างที่แล้วมา จงจำไว้ว่าการจะปลุกเสกพระหรือผ้ายันต์อะไรก็ตาม ถ้าจะอาศัยอำนาจของเราอย่างเดียวไม่ช้าก็เสื่อม
เราน่ะมันดีแคไหน การทำตัวเป็นคนเก่งน่ะมันใช้ไม่ได้ มันต้องให้พระท่านเก่ง พระพุทธท่านเก่ง พระธรรมท่านเก่ง พระสงฆ์ท่านเก่ง เทวดาท่านเก่ง พระพรหมท่านเก่ง ท่านมาช่วยทำประเดี๋ยวเดียวก็เสร็จดีกว่าเราทำตั้งพันปีเราต้องการให้ท่านช่วยอะไรก็บอกไป
ของที่ทำจะคุ้มครองผู้คนทั้งบ้านทั้งเมืองได้ทุกคนถ้าหากพระก็ดี พระพรหมก็ดี เทวดาก็ดี ท่านช่วยคุ้มครองให้ ท่านก็มองเห็นถนัด คุ้มครองได้ถนัดและจำไว้อย่างหนึ่งว่า ถ้านำของนั้นไปใช้ในทางทุจริตคิดมิชอบก็ไม่มีอะไรจะคุ้มครองได้ ที่เป็นคนเลวอยู่แล้วก็ช่วยพยุงให้เลวน้อยหน่อย ต้องช่วยตัวเองด้วยไม่ใช่จะคอยพึ่งผ้ายันต์หรือพระ
ถ้าดีอยู่แล้วก็ช่วยให้ดียิ่งขึ้น นี่เป็นกฎของอำนาจพระพุทธบารมี พระธรรมบารมี พระสังฆบารมี ตลอดจนพระพรหมและเทวดาทั้งหลาย…”
ข้อ 1 ก่อนคล้องพระต้องสวดบทคาถาอัญเชิญพระเข้าตัว
ข้อ 2 ตามหลักของบูรพาจารย์นั้น เมื่อรับพระเครื่องมาแล้วนั้นไม่ว่าจะรับจากครูบาอาจารย์โดยตรง จากคนอื่นหรือไปเช่ามา หรือด้วยเหตุอันใดก็ตาม ควรต้องมีการอัญเชิญพระเข้าตัว การอัญเชิญนี้เพื่อให้คนที่รับพระเครื่องนั้น น้อมนำและสำนึกในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ เป็นการเริ่มนิมิตหมายที่ดีในชีวิตที่กำลังเดินทางไปสู่ความเจริญ
ข้อ 3 ถ้าหากจะสวมใส่ในแต่ละวัน ให้สวดอัญเชิญพระเข้าตัวก่อนคล้องพระทุกครั้ง ในการสวดนั้นต้องทำจิตให้นิ่งระลึกเคารพถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ ทุกครั้ง แล้วสวดคาถา พลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ในองค์พระที่ท่านใส่นั้น จะช่วยปกป้องคุ้มครองและดลบันดาลตามที่ท่านปรารถนา
บทสวดอัญเชิญพระเข้าตัว
สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
อรหันตานัญ จะเตเชนะ รักขังพันธามิ สัพพะโส
พุทธังอธิษฐามิ ธัมมังอธิษฐามิ สังฆังอธิษฐามิ
(สวด 3 จบหรือ 5 จบ ก่อนที่ห้อยพระ)
การทาน รักษาศีล ปฏิบัติธรรม จึงเป็นเครื่องป้องกัน ส่งเสริมสร้างโชตชะตาตนเองที่ดีที่สุด วัตถุมงคลจึงเป็นตัวช่วยที่รองลงมา เป็นปัจจัยเสริมที่ครูบาอาจารย์ท่านช่วยสงเคราะห์แก่โลกเท่านั้น สำหรับที่จะมี พลานุภาพ สร้างปาฏิหาริย์มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ในด้านต่างๆ เช่น เมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวย แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี หรือการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ฯลฯ
เกิดได้ด้วยพลังจิตกุศล ศรัทธาอย่างแรงกล้าของผู้ห้อยหรือสวมใส่ ที่ต้องหมั่นทำบุญสวดมนต์ ไหว้พระ คิดดี ทำดี พูดดี พุทธคุณ บุญบารมีครูบาอาจารย์ และบุญของเราเองที่ทำจะปกป้องเรา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ธ.ธรรมรักษ์ ขอขอบคุณเครดิตภาพจาก คมชัดลึก Oknation และ photobucket
Leave a Reply