11 เหตุการณ์ “เพ้อ” ที่ทำตามกันทั่วโลก… แบบไม่มีเหตุผล!!!

11 เหตุการณ์  “เพ้อ” ที่ทำตามกันทั่วโลก… แบบไม่มีเหตุผล!!!

การทำตามๆ กัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า อุปทานหมู่ ( mass hysteria ) เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับจิตสังคมซึ่งเกิดขึ้นกับบุคคลตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ในกรณีที่กลุ่มบุคคลนั้นมีความคิดความเชื่อว่าตนเจ็บป่วยเป็นโรคเดียวกันหรือเผชิญปัญหาเดียวกัน จึงแสดงอาการออกมาแบบเดียวกัน เช่น หลายคนออกอาการเหมือนผีเข้า หลายคนส่งเสียงกรีดร้องโดยไม่มีเหตุผล บางรายเห็นภาพหลอน แสดงกิริยาก้าวร้าวออกมาเป็นต้น

1

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่ 11 น้ำทะเลหาดมาฮิมมีรสหวาน

เมื่อปี 2006 ที่ เมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เกิดปรากฏการณ์ประหลาดเมื่อชาวเมืองที่อาศัยอยู่ในมุมไบต่างอ้างว่า น้ำทะเลหาดมาฮิมมีรสหวาน

โดยหาดมาฮิม Mahim Creek หนึ่งในลำธารที่มีมลพิษทางน้ำมากที่สุดในอินเดีย เกิดจากน้ำเสียและกากอุตสาหกรรมที่โรงงานต่างๆปล่อยลงสู่ท้องทะเล ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไป ประชาชนเมืองกูจารัต (Gujarat) ที่อยู่ใกล้ๆกันก็รายงานว่าน้ำทะเลจากชายหาด (Teethal) ในตัวเมืองกลับมีรสหวานเช่นกัน

จากเหตุการณ์นี้ทำให้หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างพากันวิตกกังวลกับปรากฏการณ์ ดังกล่าว เพราะประชาชนจำนวนมากต่างพากันดื่มน้ำเสียซึ่งอาจจะทำให้เกิดการระบาดของโรคมากับน้ำเสีย เช่นกระเพาะและลำไสอักเสบ หรือบางต่างพากันเก็บน้ำทะเล ใส่ภาชนะด้วยเชื่อว่าเป็นปรากฏการณ์ปาฏิหาริย์ที่ควรบูชานับถือ

คณะกรรมการควบคุมมลพิษออกมาเตือนคนว่าห้ามดื่มน้ำและนำตัวอย่างน้ำทะเลไป ตรวจวิเคราะห์และเตือนไม่ให้ประชาชนดื่มน้ำจากทะเลจนกว่าจะได้ผลวิเคราะห์ จากห้องปฏิบัติการ ในขณะที่พอหนึ่งวันผ่านไป น้ำทะเลก็กลับมามีรสเค็มเหมือนเดิม โอ้ประหลาดดีแท้จริงๆ !

2

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่ 10 “แทมนิยา” โรคหัวเราะไม่หยุด

โรคหัวเราะไม่หยุด แทมนิยา เป็นเหตุการณ์ในปี 1962 ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งชื่อ Kashasha บน ชายฝั่งตะวันตกของ ทะเลสาปวิคตอเรีย ในประเทศแทนแกนนิยา ( แทนซาเนีย ในปัจจุบันอยู่ติดเคนยา ) ทวีปแอฟริกา

เหตุการณ์นี้เริ่มต้นเมื่อกลุ่ม นักเรียนหญิงในโรงเรียน แห่งหนึ่งพูดคุยและ เล่าเรื่องตลกกัน และเรื่องตลกนี้ทำให้เด็กกลุ่มนั้นเริ่มหัวเราะ จากกลุ่มเล็กๆ กลายเป็นว่ามันกลายเป็นโรคระบาดไปทั่ว โรคระเบิดหัวเราะได้ขยายวงไปยังคนอื่นที่อยู่รอบข้าง คนที่เดินผ่าน คนที่ไม่เกี่ยวข้อง จนถึงโรงเรียนและหมู่บ้านอื่นๆ จนเป็นเหตุทำให้โรงเรียนปิดกะทันหัน และเมื่อเด็กนักเรียนต่าง(หัวเราะ)กลับบ้านไป และก็นำเอาโรคหัวเราะไม่หยุดไปติดพ่อแม่ ผู้ปกครองอีก การหัวเราะไม่หยุดขยายเป็นวงกว้างจากหมู่บ้านดังกล่าวไปยังหมู่บ้านอื่น ชุมชนรอบข้าง คนเป็นพันๆ ได้รับผลกระทบนี้ จนกระทั่งผ่านไปหกเดือนมันจึงยุติลง

3

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่ 9 รูปปั้นฮินดูดื่มนม

เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 กันยายน 1995 ในตอนเช้าที่วัดทางภาคใต้ของ นิวเดลี ที่ถวายนมแก่รูปปั้นพระพิฆเนศ โดยการเอาช้อนดักนมเต็มช้อนแล้วสัมผัสริมผีปากรูปปั้นเพื่อเป็นการถวายตาม ประเพณี แต่ปรากฏว่าเกิดเรื่องอัศจรรย์ขึ้น เมื่อนมที่เป็นของเหลวค่อยๆ หายไปต่อหน้าต่อตา จนหลายคนชื่อว่าเป็นเพราะรูปปั้นดื่มนม

มหัศจรรย์รูปปั้นฮินดูดื่มนมได้แพร่กระจายปากต่อปากไปอย่างรวดเร็ว จนมีรายงานว่าหลายคนในวัดทั้งภาคเหนือต่างพยายามเอานมป้อนรูปปั้นกันทั่ว หน้าผลปรากฏว่ารูปปั้นพระเจ้าฮินดูโบราณหลายองค์สามารถดื่มน้ำนมได้ เหตุการณ์นี้ได้ระบาดมายังประเทศไทยด้วยเมื่อพระพิฆเนศในที่ต่างๆทั่วโลก (รวมทั้งประเทศไทย) ได้เริ่มดื่มนมที่คนนำมาถวาย

เหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นอยู่หลายสัปดาห์ก่อนที่จะยุติลง หลังจากผ่านไป 10 ปี นักวิทยาศาสตร์ยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ แต่ในภายหลังได้การพิสูจน์ความจริงบางประการที่ยังไม่ยืนยัน 100% ว่าชัวร์หรือเปล่า นั่นคือการพบว่ารูปปั้นหลายรูปมีโพรงน้อยใหญ่เหมือนฟองน้ำสามารถกักน้ำได้ในปริมาณมากนั่นเอง

 4

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่ 8 โรคระบาดลึกลับ

ปี 1962 เกิดโรคระบาดลึกลับใน แผนกตัดเย็บเสื้อผ้าของโรงงานสิ่งทอ แห่งหนึ่งในสหรัฐ อเมริกา

เมื่อสาวโรงงานกว่าหกสิบคน เกิดอาการ มึนงง คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ เป็นลมหมดสติ บางรายถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล โดยมีหลายคนอ้างว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากการถูกแมลงชนิดหนึ่งกัด ภายหลัง แพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานสาธารณสุขได้ออกมาตรวจสอบและสรุปว่าเป็น ปรากฏการณ์อุปาทานหมู่

จากการตรวจสอบ ไม่พบว่ามีแมลงที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว ในบรรดาคนงานทั้งหมดที่ป่วยเข้าโรงพยาบาล ไม่มีใครเลยที่มีแผลถูกแมลงกัด แพทย์เชื่อว่ามีคนงานบางคนถูกแมลงกัดแต่เพียงเล็กน้อย แต่กลับเกิดความกังวลเกินกว่าเหตุจนแสดงออกมาเป็นอาการประหลาดดังกล่าว

5

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่  7 Morangos com Acucar virus

ละครเรื่อง Morangos com Acucar เป็นละครวัยรุ่นที่นิยมอย่างมากในประเทศตุรกี โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวิตของเด็กวัยรุ่นทั่วไป ในเดือนพฤษภาคม ปี 2006 มีการระบาดของโรคที่ชื่อว่า Morangos com Acucar virus

มีรายงานว่าครั้งแรกระบาดในโรงเรียน 14 แห่ง นักเรียนมากกว่า 300 คน เกิดอาการประหลาดๆซึ่งคล้ายคลึงกับอาการของตัวละครหนึ่งในละคร คือ ผื่นขึ้น หายใจลำบาก วิงเวียนศีรษะ รุนแรงถึงขนาดบางโรงเรียนต้องปิดลง หน่วยสาธารณสุขได้ออกมาตรวจสอบและสรุปว่าเป็นปรากฏการณ์อุปทานหมู่ซึ่งเกิดจากละคร จนบรรดาผู้ปกครองต่างพากันวิตกกังวล เพราะละครน้ำเน่าดังกล่าวไม่ได้ฉายทางทีวีอย่างเดียว มันยังตีพิมพ์เป็นตอนๆในหนังสือพิมพ์ นิตยสารและอื่นๆ

6

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่  6 เลือดแอมโมเนีย

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1994 กลอเรีย รามิเรซ Gloria Ramirez อายุ 31 ปี หญิงสาวที่อาศัยยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เกิดอาการป่วยจากโรคมะเร็งปากมดลูกกำเริบ ต้องเข้าห้องภาวะฉุกเฉินของโรงพยาบาลในเมืองแคลิฟอร์เนียทางใต้ของ Riverside

เธอใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้น มีอาการแปลกๆ อาการตื่น หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็วเกินไป ความดันเลือดสูง และ เธอตอบสนองกับคำถามสั้นๆ พูดตะกุตะกะ คณะแพทย์ที่รักษากลอเรียต้องทำการปั๊มหัวใจเธอ เขาลอกเสื้อเชิ้ตของเธอออก และ กดขั้วไฟฟ้าที่หน้าอกของเธอ ในระหว่างนั้นเอง บางคนได้กลิ่นผลไม้ และ กระเทียมออกจากปากของเธอ แพทย์เลยทำการเจาะเลือดเพื่อวิเคราะห์

นางพยาบาล Susan Kane ทำการแนบกระบอกฉีดยา เลือดของเธอมีสีแปลกๆ มีกลิ่นเหมือนแอมโมเนีย จากนั้นหายนะก็เกิด เมื่อเลือดของเธอพุ่งกระเด็นจากช่องรูเข็มฉีดยามันไปโดนหน้านางพยาบาลจนหน้าของเธอไหม้ !! (เลือดของเธอมีวัสดุประหลาดๆคล้ายเศษ กระดาษอยู่ภายใน) เธอล้มลงไปกับพื้น คลื่นไส้อาเจียน จากนั้นพยาบาลอีกคนก็ล้มชักอีกคน จากนั้นมันเริ่มลุกลามมายังคนใกล้เคียง

ใครก็ตามที่ได้สัมผัสกากใย หรือเลือดของเธอ ต่างพากันป่วยไข้กันไปหมด จนผู้บริหารโรงพยาบาลออกประกาศภาวะฉุกเฉินภายใน ผลสุดท้ายมีผู้ป่วยจากเหตุการณ์นี้จำนวน 23 (คณะที่รักษาเธอมี 37 คน) ซึ่งทั้งหมดถูกจับเพื่อเข้าเขตกักกันเชื้อโรคทั้งหมด โดยมีอาการเหมือนหญิงที่ป่วยในตอนแรกไม่มีผิด

ภายหลังมีผลสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้พบว่าหญิงคนนั้นและคนป่วยทั้งหมดในเหตุการณ์นี้ คือ ในบรรดาพนักงานที่ล้มป่วย เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และจากผลการตรวจเลือดผู้ป่วยทั้งหมดก็พบว่าไม่มีความผิดปกติใดๆ เลย จึงสรุปปรากฏการณ์ที่ไม่ทราบสาเหตุนี้ว่าเป็นอุปทานหมู่ (อีกตามเคย) ทำให้เรื่องราวของเธอยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้

 7

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่ 5 The War of the Worlds

The War of the Worlds เป็นนิยายวิทยาศาสตร์ เขียนโดย เอช.จี. เวลส์ นักเขียนชาวอังกฤษ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ค.ศ. 1898 เนื่อเรื่องบรรยายถึงเหตุการณ์ที่มนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร ส่งยานอวกาศเข้ามาโจมตีกรุงลอนดอน

นวนิยายถูกนำมาดัดแปลงเป็นละครวิทยุ ความยาว 60 นาที โดย ออร์สัน เวลส์ ออกอากาศทางเครือข่ายซีบีเอส ของสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 1938

เนื่องในวันฮาโลวีน ส่งผลให้เกิดความโกลาหลในหลายมลรัฐทางตะวันออก ผู้ฟังรายการที่ไม่ได้ฟังประกาศจากสถานีตอนต้นของรายการ ว่าเป็นเรื่องแต่ง ทำให้คนต่างเข้าใจว่ามีมนุษย์ต่างดาวโจมตีโลกจริงๆ ออกจากบ้านเพื่อหนีตายด้วยความตื่นตระหนก

เนื่องจากในขณะนั้นเกิดความตึงเครียดว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง มีผู้วิจัยว่า จากจำนวนผู้ฟัง 6 ล้านคน มี 1.7 ล้านคน คิดว่าเป็นเหตุการณ์จริง

ในจำนวนนี้ 1.2 ล้าน เกิดความตื่นตระหนก ประชาชนหลายคนอุปาทานว่าตนเองได้กลิ่นก๊าซลึกลับ เห็นวัตถุประหลาด เห็นแสงวูบวาบ เกิดการชุมนุมจนตำรวจต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์

เมื่อพิจารณาดูแล้ว คล้ายคลึงกับที่บรรยายในนิยายไม่มีผิด หลังจากนั้นได้มีผู้นำ นวนิยายเรื่องนี้ไปออกอากาศทางวิทยุอีกหลายครั้ง เช่นในปี ค.ศ. 1944 ที่กรุงซานติอาโก ประเทศชิลี ปี ค.ศ. 1949 ที่กรุงกีโต ประเทศเอกวาดอร์ และ ค.ศ. 1950 ทางสถานีวิทยุบีบีซี

8

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่ 4 เหตุการณ์ Y2K

ปี 2000 ช่วงนั้นโลกของเราวุ่นวายมากๆ เพราะมีหลายคนเชื่ออะไรหลายๆ อย่าง เช่น คำทำนายของนอสตราดามุส และ พุทธทำนาย ก็ล้วนแต่จ้องจะเกิดในช่วงนี้ทั้งสิ้น แต่ที่โด่งดังที่สุดเห็นจะไม่เกิน ปัญหาคอมพิวเตอร์ปี 2000 (Y2K)

ปัญหา Y2K อ่านว่า วาย ทู เค หรือ Year two thousand ซึ่งหมายถึงปี ค.ศ. 2000

คำนี้เป็นศัพท์ทางวงการคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ปี ค.ศ. เป็นเลข 2 หลัก กล่าวคือ ปี ค.ศ. 1900 จะบันทึกเป็น 00 คือ 2 หลักหลัง (ขณะนี้เป็น 1999 จะบันทึกเป็น 99)

เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงปี ค.ศ. 2000 จะต้องบันทึกเป็น 00 ตามแนวทางเดิมซึ่งจะเห็นได้ว่าคอมพิวเตอร์จะไม่ทราบได้ว่าเป็นปี 1900 หรือ 2000 หากแต่คอมพิวเตอร์จะคิดว่าเป็นปี 1900

ฉะนั้นการคำนวณใดที่เกี่ยวข้องกับวัน และเวลา จะผิดไปหมด เช่น คิดอายุผิด คิดดอกเบี้ยผิด การนัดหมาย การจองโรงแรม หรือสายการบิน และ ถ้าร้ายแรงหน่อยก็ จะทำให้ระบบคอมที่ควบคุมการยิงขีปนาวุธของรัสเซียและอเมริกาจะผิดพลาด ระบบการเงิน ATM จะ ปั่นป่วนทั่วโลกจะวุ่นวายสับสน ห้องฉุกเฉินใน รพ.ระบบเครื่องมือแพทย์จะรวน คนจะตายหลักล้าน หลายคนคาดว่าระบบโครงสร้างพื้นฐานส่วนใหญ่ของโลกอาจจะต้องหยุดทำงาน ระบบทุกชนิดตั้งแต่ลิฟต์ไปจนถึงระบบควบคุมการบินต่างตกอยู่ในความเสี่ยงทั้งสิ้น ความกลัวว่าการดำเนินธุรกิจต่างๆ จะเป็นอัมพาต สารพัด

เหตุการณ์ Y2K นำ มาซึ่งความวุ่นวายต่อมวลมนุษย์อย่างมากในช่วงนั้น ต่างตื่นตระหนก หลายคนเชื่อว่าปัญหานี้จะทำให้มนุษย์กลับเข้าสู่ยุคหินหรือเป็นวันสิ้นโลก เลยทีเดียว

รวมถึงประเทศไทยด้วย แก้เซ็ทระบบกันระนาว พวกเด็กๆ ต่างเครียดเป็นแถบๆ เพราะว่ากลัวเล่นเกมส์ไม่ได้

ปัญหา Y2K ก็สิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 1999 เมื่อเหตุการณ์ของโลกปกติสุขไม่มีปัญหาเรื่อง Y2K แต่อย่างใดเลย(เนื่องจากมีการเตรียมการอย่างดี) และวันที่ 1 มกราคมปี 2000 ก็เหมือนกับวันอื่นๆ ไม่มีรายงานข่าวว่ามีระบบเสียหายครั้งใหญ่ที่ไหนเลย

9

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่ 3 โรคจูหด

อันนี้ท่าทางผู้ชายคงตื่นตระหนกกันไปหมดทั้งโลก ว่ากันว่า โรคอวัยวะเพศหด เป็นโรคทางจิตที่มีความคิดว่าอวัยวะเพศของตัวเองหดหรือหายไป โรคนี้เกิดขึ้นทั่วโลกในแอฟริกา และ เอเชีย พบได้ในประเทศ ทางภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ เช่น อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, สิงคโปร์

โดยมากจะพบในคนเชื้อสายจีนโดยความเชื่อท้องถิ่นจะมีความเชื่อว่าเมื่ออวัยวะเพศของตัวเองหดอาจทำให้ตาย หรือเสียชีวิตได้ ทำให้เกิดความกลัวที่ว่าอวัยวะเพศจะหดเข้าไปในช่องท้องตนเองจะถึงแก่ความตาย จนทำทุกวิธีการเพื่อไม่ให้อวัยวะเพศหด

คือชอบจับและดึงอวัยวะเพศไว้ บางรายก็เลยร้องเรียกให้คนช่วยดึงก็มี แต่ส่วนใหญ่ไม่ยอมให้เพศตรงข้ามช่วย เพราะถือว่าเป็นข้อห้าม บางรายถึงกับให้ผูกอวัยวะเพศไว้

มีความเชื่อแปลกๆ ตามมาเช่น ห้ามกินแตงโม ห้ามเดินข้ามขนม้าและมูลเต่า บางแห่งห้ามเดินผ่านเต่าเพราะถ้าเต่าหดหัวจะพลอยทำให้จูหดไปด้วย!!!

โรคนี้ระบาดในสิงคโปร์ในปี 1967 จนรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ต้องเร่งแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน ส่วนสาเหตุของโลกนี้ก็แปลกๆ พอๆ กันคือจากการตรวจสอบพบว่าผู้มีอาการนี้ส่วนใหญ่จะมีกิจกรรมทางเพศมากเกินไป บางรายเกิดอาการหลังจากมีเมียน้อยไม่นาน หรืออวัยวะเพศกระทบกับความเย็นนานเกินไป หรือรับประทานอาหารสุกๆดิบๆ

10

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่ 2 แม่มดแห่งซาเล็ม

นี้คือเหตุการณ์อุปทานหมู่สุดเหลือเชื่อ การสอบสวนแม่มดแห่งซาเล็ม เป็นคดีที่ผู้พิพากษาสั่งฟ้องร้องผู้คนกล่าวหาว่า มีการใช้เวทมนตร์คาถาใน Essex, Suffolk, และ Middlesex ในเขตอาณานิคมรัฐแมสซาซูเซตต์ ระหว่างกุมภาพันธ์ 1692 และ1693

มีจำนวนกว่า 150 ถูกจับกุม จำคุก ถูกแขวนคอ และประหารชีวิต

หนึ่งในนั้นคือไกล์ คอเรย์ ( Giles Cory ) ผู้ซึ่งไม่ยอมบอกข้อมูลของแม่มดซาเล็ม เขาถูกหินบดทับจนถึงแก่ความตาย และ อีกห้าคนตายในคุก เหตุการณ์เหล่านี้เกิดเมื่อวันที่ 20 มกราคม ปี 1692 เมื่อเด็กหญิงหลายคนในหมู่บ้านซาเล็ม รัฐแมสซาซูเซตต์ เมืองเล็กๆ ในอเมริกา คืออลิซาเบธ แพร์ริส (Elizabeth Parris) อายุ 9 ปี บุตรสาวของซามูเอล แพร์ริสผู้นำนิกายโปรเตสแตนท์และเป็นนายกเทศมนตรีท้องถิ่นแห่งหมู่บ้านซาเล็ม อบิเกล วิลเลี่ยม (Abigail Williams) อายุ 12 ปี หลานสาวของมูเอล และแอน พัตนัม (Ann Putnum) อายุ 12ปี ลูกสาวของครอบครัวพัตนัม และเพื่อนๆ เกิดอาการเป็นลมหน้ามืด และมีอาการผิดปรกติหลายอย่าง เช่น หวีดร้องโหยหวน สักพักก็ล้มชักดิ้นชักงอ หน้าตาบิดเบี้ยว อยู่ในสภาวะไม่รู้สึกตัว กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นพระเจ้า ศาสนา ถ้อยคำบางท่อนก็ฟังดูประหลาดลึกลับ คล้ายกับภาษาโบราณที่ฟังไม่รู้เรื่อง

จากนั้นชั่วเวลาไม่นานนัก เด็กสาวอีกหลายคนก็แสดงอาการพฤติกรรมประหลาดที่ว่าเกิดขึ้นอีกหลายๆ หลังคาเรือน ภายใต้ความกดดันอย่างหนักที่จะระบุแหล่งที่มาและต้นกำเนิดของภัยร้าย จู่ๆ บรรดาเด็กสาวได้อ้างชื่อผู้หญิงออกมาสามคนคือ ทิทูบา อินเดียน(Tituba), ซาราห์ ออสบอร์น (Sarah Osburn ) และ ซาราห์ กู๊ด(Sarah Good) ทาสรับใช้คาริบเบียนที่อาศัยในบ้านของซามูเอล แพร์ริส…ว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ ต่อมาหญิง 3 คนนั้นก็ถูกจับ ออสบอร์ยืนยันความบริสุทธิ์

เดือนมิถุนายน 1692 ผู้ว่าการรัฐ จัดตั้งศาลพิเศษเพื่อพิจารณาคดีแม่มดโดยเฉพาะ เรียกว่า “ศาล พิเศษเพื่อรับฟังความและตัดสินโดยพิจารณาความเชื่อถือ” ศาลแห่งนี้ตัดสินความโดยพิจารณาคดีจากการกล่าวหาซึ่งๆ หน้า มีการประมวลวัตถุพยาน ทั้งที่จับต้องได้และจับไม่ได้ ส่งผลทำให้ผู้บริสุทธิ์ถูกตัดสินประหารชีวิตจำนวนมาก(ทั้งศาลยุติธรรมและศาล เตี้ย) กว่าเรื่องนี้จะสิ้นสุดก็อีก 19 ปีต่อมา โดยเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 1711 กฎหมาย ฉบับใหม่ได้สั่งให้คืนทรัพย์สมบัติที่ยึดมาจากผู้ตายและครอบครัว

11

อุปทานหมู่รอบโลก อันดับที่ 1 2012 วันสิ้นโลก

วันสิ้นโลก 2012 ปรากฏการณ์ 2012 ประกอบด้วยขอบเขตความเชื่อทางโลกาวินาศศาสตร์ว่าจะมีเหตุการณ์อันนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงหรือวินาศภัยฉับพลันเกิดขึ้นในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ซึ่งวันนั้นกล่าวกันว่าเป็นวันสิ้นสุดของวัฏจักรปฏิทินแบบนับยาวเมโสอเมริกา 5,125 ปี  มีการเสนอข้อสนับสนุนทางดาราศาสตร์และสูตรพยากรณ์ที่เกี่ยวข้องกับวันดังกล่าวออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งหมดล้วนไม่ได้รับการยอมรับจากวิชาการกระแสหลัก

ขบวนการยุคใหม่ตีความว่า วันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเวลาซึ่งโลกและพลโลกอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหรือทางจิตวิญญาณในทางบวก และวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 อาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ คนอื่นเสนอว่า วันนั้นเป็นจุดสิ้นสุดของโลกหรือมหันตภัยที่คล้ายกัน มีการเสนอสมมติสภาพการสิ้นสุดของโลกต่าง ๆ ตั้งแต่การมาถถึงของโซลาร์แม็กซิมัมครั้งถัดไป ปฏิกิริยาระหว่างโลกกับหลุมดำ ณ ใจกลางดาราจักรหรือการชนกับดาวเคราะห์ชื่อ “นิบิรุ”

ที่แน่ๆ ชาวบ้านร้านตลาดทั่วโลกเชื่อกันมาก หลายคนใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย เพราะคิดว่าวันสิ้นโลกกำลังจะมาถึง บางคนขายบ้านขายรถเพื่อกิน ดื่ม เที่ยวอย่างเต็มที่ สุดท้ายเมื่อถึงปี 2013 เขากลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว และคิดถึงขั้นฆ่าตัวตาย แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้เพิ่งผ่านมาสดๆ ร้อนๆ ไม่กี่ปีก่อน และฮอลีวู้ดก็ได้นำมาสร้างภาพยนตร์เรื่อง “2012 วันสิ้นโลก” ไปเรียบร้อยแล้ว

แล้วคุณล่ะ เคยผ่านเหตุการณ์อุปทานหมู่ไหนมาบ้าง อย่างน้อยๆ อุปทาน 2012 ก็น่าจะเคยเกิดขึ้น ให้เห็นถึงวิกฤติความเชื่อของมนุษย์บ้าง หนทางแห่งคำตอบ มาจากดังคำพระที่ว่า “มีสติ” สำคัญที่สุดนั่นเอง

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก mthai  และ วิกิพีเดีย