“โรคเงียบ” แต่รุนแรงจนอาจ “ตาบอด” ภัยมนุษย์เงินเดือน เลี่ยงยาก ป่วยกันมานักต่อนัก!!!
ด้วยไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของคนทำงานในเมืองยุคปัจจุบัน ที่ต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กันมากขึ้น ประกอบกับสมัยนี้ยังมีสมาร์ทโฟนแท็บเล็ตออกมาใช้แพร่หลายไปทั่ว นำมาซึ่งความเสี่ยงด้านสุขภาพหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ “ภาวะน้ำวุ้นตาเสื่อม” ซึ่งพบมากขึ้นในกลุ่มคนวัยทำงาน
สังเกตความผิดปกติได้จาก
ปกติแล้วในลูกตากลมๆ ของเราจะมีน้ำวุ้นตาเป็นสารใสคล้ายเจลอยู่ภายในลูกตาส่วนหลัง คั่นกลางระหว่างเลนส์กับจอประสาทตา ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้แสงผ่าน ให้สารอาหารแก่จอประสาทตาและเซลล์ผนังลูกตาชั้นใน และช่วยพยุงลูกตาให้คงรูปเป็นทรงกลม แต่เมื่อน้ำวุ้นตาเสื่อมลง จากลักษณะที่เป็นวุ้นกลายเป็นของเหลว เมื่อเรากลอกตาวุ้นเหล่านี้ก็จะกระเพื่อม จึงเห็นเหมือนมีเงาลอยไปมา ซึ่งอาจมีรูปร่างแตกต่างกันหลายรูปแบบ เช่น จุดเล็กๆ คล้ายลูกน้ำ วงกลม หรือเป็นเส้นๆ คล้ายหยากไย่ หากเป็นมากจะมีอาการเห็นแสงสว่างคล้ายสายฟ้าแลบ และรู้สึกเหมือนขอบเขตการมองเห็นด้านข้างจะแคบลง เนื่องจากจอประสาทตาฉีกขาดหรือหลุดลอก
กลุ่มเสี่ยง
โรคนี้มักพบในผู้สูงอายุจากการเสื่อมตามธรรมชาติของเนื้อเยื่อ รวมถึงคนที่ต้องใช้สายตามากๆเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะคนเมืองที่มีไลฟ์สไตล์ทำงานบีบคั้นต้องจดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์นานๆ
ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานและกรรมการผู้บริหารบริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) นักวิทยาศาสตร์ไทยคนแรกผู้คิดค้นวิธีการสร้างภูมิคุ้มกันให้สมดุลจากสารสกัดธรรมชาติเพื่อถนอมดวงตา กล่าวว่า
“จากการศึกษาของการแพทย์สาขาภูมิคุ้มกันวิทยาพบว่า สาเหตุที่แท้จริงของความผิดปกติเกี่ยวกับดวงตารวมถึงอาการน้ำวุ้นในตาเสื่อมนั้น เกิดจากการที่เม็ดเลือดขาวในตัวเราสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ (Pro-imflammatory cytokines) มากเกินไป ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันและแก้ไขความผิดปกติเหล่านี้ก็คือ การกระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้ลดการหลั่งสารเหล่านี้ให้น้อยลงจนเข้าสู่ภาวะสมดุล
การวิจัยล่าสุดของคณะนักวิจัยของบริษัทเอเชียนฯได้ค้นพบนวัตกรรมชื่อว่า“APCOcapsule”และ “APCOessence” ที่สกัดจากพืชธรรมชาติ 5ชนิด มังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบก เมื่อนำมาเสริมฤทธิ์กันจะมีประสิทธิภาพในทำให้เม็ดเลือดขาวลดการหลั่งสารก่อการอักเสบลง
จากประสบการณ์ตรงของมนุษย์เงินเดือนที่เกิด “ภาวะน้ำวุ้นตาเสื่อม” คุณกนกพร ศรีจันทร์ เล่าให้ฟังว่า มีปัญหาวุ้นตาเสื่อมมาตั้งแต่อายุ 40 ปี “แรกๆ จะเห็นเป็นหยากไย่ลอยไปมา และมีจุดดำๆ 2-3 จุด เวลากระพริบตาจะรู้สึกหนืดๆ ที่ดวงตา ไปตรวจที่โรงพยาบาลหมอบอกว่า ไม่มีทางรักษาให้หายขาดหรือดีขึ้นได้ มีแต่จะเสื่อมไปเรื่อยๆ ทำได้แต่คอยสังเกตอาการและบรรเทาอาการด้วยน้ำตาเทียมเท่านั้น เป็นแบบนี้มา 13 ปีแล้ว ไม่มียาหรืออะไรที่ช่วยได้เลย”
“ตอนเป็นแรกๆ อาการส่วนใหญ่แค่ทำให้รำคาญ แต่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตมากเท่าไหร่จนกระทั่งเป็นมากขึ้นมองเห็นจุดดำเพิ่มเป็นสิบๆ จุดเต็มไปหมด และยังเห็นแสงแลบบ่อยขึ้น ก็ยิ่งกลัวเพราะโรคนี้ถ้าเป็นรุนแรงจะมีสิทธิ์ที่จะตาบอดได้เหมือนกัน เวลาอ่านหนังสือ ดูทีวี จะมีปัญหามาก ยิ่งเวลาออกแดด ก็จะสู้แสงไม่ค่อยได้ด้วย”
วิธีดูแลรักษาดวงตา
ศ.ดร.พิเชษฐ์ ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญที่สุดเพื่อป้องกัน ภาวะน้ำวุ้นตาเสื่อม คือ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ และที่สำคัญต้องรู้จักใช้ดวงตาอย่างทะนุถนอม ไม่ควรใช้สายตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอนานๆ อาจใช้วิธีพักสายตาด้วยการหลับตาสักครู่ หรือปรับโฟกัสมองไกลๆ บ้าง ร่วมกับการนวดคลึงเบาๆ และไม่ควรละเลยการตรวจสุขภาพตาเป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะการตรวจพบตั้งแต่แรกเริ่มจะช่วยให้การดูแลรักษาทำได้ง่ายขึ้น
ดวงตามีเพียงคู่เดียว ใช้อย่างถนอม และรักษาอย่างดีเพื่อสุขภาพที่ดีและยืนยาวนะครับ
ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตรูปจาก มติชนออนไลน์
Leave a Reply