เธอล้มทั้งยืน… เมื่อแม่แท้ๆ บอกว่า “เรามีพ่อคนเดียวกัน” ทำให้เธอผอมแทบเหลือแค่กระดูก!!! (ชมภาพ)

เธอล้มทั้งยืน… เมื่อแม่แท้ๆ บอกว่า “เรามีพ่อคนเดียวกัน”  ทำให้เธอผอมแทบเหลือแค่กระดูก!!! (ชมภาพ)

1

สาวรายหนึ่ง เมื่อแม่แท้ๆ เปิดเผยความจริงว่า “เรามีพ่อคนเดียวกัน” ด้วยเหตุผลที่สุดแสนจะเจ็บปวด จนเธอต้องเป็นถึงขนาดนี้ (ชมภาพ)

เว็บไซต์เมโทร เปิดเผยว่า “โจดี้ คาฮิลล์” ชาวออสเตรเลีย วัย 38 ปี เปิดเผยว่า เธอเพิ่งรู้ความจริงเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ หลังได้อ่านจดหมายจากแม่แท้ ๆ ที่สารภาพว่า แท้จริงแล้วแม่และเธอนั้นมีพ่อคนเดียวกัน

แปลว่าว่า บุคคลที่โจดี้เห็นว่าเป็นคุณตามาตลอด แท้จริงแล้วคือพ่อผู้ให้กำเนิดเธอนั่นเอง โดยในจดหมายของแม่เขียนไว้ดังนี้

“โจดี้ ลูกและแม่มีพ่อคนเดียวกัน เขาทุบตีและทำร้ายแม่ตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งคืนหนึ่ง แม่ถูกเขาข่มขืนและตั้งท้อง แม่ไม่มีวันลืมคืนนั้นได้เลย”

แน่นอว่า ข้อความในจดหมายฉบับนี้ทำให้โจดี้เข้าใจว่า เหตุใดแม่ของเธอจึงไม่สนใจไยดี และทิ้งให้โจดี้เติบโตกับคุณยาย แม่เกลียดโจดี้มาก และมักจะทุบตีโจดี้อยู่บ่อยครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่แม่เกิดคลั่งหยิบปืนมาทำท่าจะยิงเธอด้วย

Four years ago, Jodi Cahill found her she and mother shared the same father. She developed anorexia and now she is speaking out to help others.

Four years ago, Jodi Cahill found her she and mother shared the same father. She developed anorexia and now she is speaking out to help others.

แม่ของโจดี้คงคาดหวังว่า จดหมายไขข้อข้องใจฉบับนี้จะช่วยให้โจดี้เข้าใจทุกอย่างได้มากขึ้น แต่ตรงกันข้าม โจดี้กลับอยู่ในอาการช็อกและเครียดสุดขีดแทน

“ฉันรู้สึกช็อกและขยะแขยงสิ้นดี หลังจากที่ฉันได้อ่านจดหมาย คืนนั้นฉันตั้งใจกระโดดน้ำฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ” โจดี้ กล่าว

ด้วยความเครียดขั้นขีดสุด โจดี้พาตัวเองสาละวนอยู่กับงาน หวังให้ตัวเองเลิกคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว แต่แล้วเธอก็ต้องประสบกับโรคอะนอเร็กเซีย (โรคผอมแห้งกลัวอ้วน) หลังเพื่อน ๆ เริ่มสงสัยว่าโจดี้ผอมลงอย่างรวดเร็วเกินไป

โจดี้บอกว่า เธอรู้สึกดีเวลาที่เธอไม่มีอะไรตกถึงท้อง และมันทำให้เธอมีสมาธิในการทำสิ่งต่าง ๆ เมื่อรู้ว่าตนกำลังท้องว่าง แต่สุดท้าย โรคอะนอเร็กเซียก็พาเธอมาจบที่โรงพยาบาลเป็นเวลากว่า 4 เดือน และต้องถูกให้อาหารผ่านทางสายยาง

4

ตอนนี้ โจดี้หายป่วยและมีร่างกายแข็งแรงดีแล้ว และเธออยากแบ่งปันเรื่องราวเหล่านี้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นที่กำลังต่อสู้กับความเจ็บป่วยทั้งทางกายและทางใจ เช่นเดียวกับที่เธอเคยประสบพบเจอมา

“ทั้งหมดขึ้นอยู่กับวิธีคิดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นหมอขั้นเทพมาจากไหนก็ช่วยคุณไม่ได้ ถ้าคุณไม่รู้สึกว่าอยากจะหายขาดจากโรคบ้า ๆ นี่ ขอแค่คุณจงเกลียดโรคอะนอเร็กเซียให้มาก เหมือนกับที่เคยเกลียดตัวเองก็พอ” โจดี้ กล่าว

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก metro  และ kapook