ถ้าฉันแก่! ฉันจะไม่(ยอม)เป็นอัลไซเมอร์
ถ้าวันหนึ่งคุณตื่นมาแล้วพบว่า มี “คนอื่น” รายล้อมรอบตัวคุณไปหมด มิหนำซ้ำพวกเขายังพร่ำบอกคุณว่า “คุณแม่ จำหนูได้ไหม หนูลูกสาวของคุณแม่ไงคะ” หรือ “คุณย่า จำผมได้ไหมครับ หลานที่คุณย่าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กไงครับ” แต่ไม่ว่าพวกเขาจะอธิบายอย่างไร คุณก็นึกไม่ออกเสียทีว่า “พวกเขาเหล่านี้เป็นใครกัน”
เชื่อแน่ว่าคงไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์ข้างต้นเกิดขึ้นกับตัวเองเป็นแน่ เพราะนั่นหมายความว่า คุณอาจจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ หรือภาวะสมองเสื่อม ที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ มีผลทำให้เกิดความผิดปกติด้านความจำ ความคิด และพฤติกรรม ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มียาที่จะรักษาโรคนี้ให้หายขาดได้ แต่หากคุณอ่านบทความนี้จบ แล้วหันมาดูแลตัวเองเสียตั้งแต่วันนี้ ก็ยังคงพอมีทางที่คุณและคนที่คุณรักจะห่างไกลจากโรคอัลไซเมอร์นี้ได้
1.กินแบบนี้ ดีกับสมอง
คำว่า “You Are What You Eat” เป็นคำกล่าวที่เป็นจริงเสมอ ในช่วงกลางปี 2010 ที่ผ่านมา วารสารทางการแพทย์ (Archives of Neurology) ได้รายงานผลการวิจัยว่า มีอาหารบางชนิดที่อาจมีองค์ประกอบช่วยในการป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ นั่นคือ น้ำสลัด (ที่ทำจากน้ำมันมะกอกและน้ำส้ม) ถั่วเปลือกแข็ง ปลา มะเขือเทศ สัตว์ปีก ผักตระกูลครูซิเฟอรัส ผลไม้ และผักใบเขียวจัด
ในขณะเดียวกัน งานวิจัยดังกล่าวยังพบอีกว่า อาหารบางประเภทอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อสมอง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ นั่นคือ อาหารจำพวกผลิตภัณฑ์นมไขมันสูง เนื้อสัตว์ใหญ่(เนื้อแดง) เครื่องในสัตว์ และเนย
หากคุณเลือกทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อสมองตั้งแต่วันนี้ ก็เหมือนมีอัศวินคอยปกป้องจากอสูรร้ายอย่างอัลไซเมอร์ได้
2.ออกกำลังกาย ฟิตไปถึงสมอง
ดอกเตอร์อีริค บี ลาร์สัน ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาเกี่ยวกับสุขภาพในเมืองซีแอตเติล ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองในปีค.ศ. 1994 ถึง 2003 กับผู้สูงอายุเพศชายและหญิง ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปจำนวน 1,740 คน พบว่า ผู้สูงอายุที่ออกกำลังกายเป็นประจำตั้งแต่เริ่มการทดลอง ด้วยการเดินสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพียง 15 นาทีต่อวัน สามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ถึง 32% เมื่อเทียบกับคนที่ออกกำลังกายน้อยกว่า
ผลการทดลองนี้ยังบอกอีกว่า นอกจากการออกกำลังกายจะส่งผลดีต่อสมองแล้ว ยังส่งผลให้หัวใจ และหลอดเลือดไหลเวียนดี สามารถเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
เรียกได้ว่า ออกกำลังกายเพียงวันละนิด ฟิตไปเสียทุกส่วนเลยทีเดียว
3.หัดใช้สมองเสียบ้าง!
เราไม่ได้ตั้งใจว่าร้ายคุณหรอกนะคะ เพียงแค่ต้องการให้คุณใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ โดยการสรรหากิจกรรมที่ต้องใช้งานสมองทำบ้าง ซึ่งในปัจจุบันมีเกมที่สนุก และได้ใช้สมองมากมาย อาทิ เกมปริศนาคำ เกมซูโดกุ และเกมโกะ ซึ่งนายเชียง ฉวน เชน นักวิจัยชาวจีนกล่าวว่า โกะ เป็นเกมที่ช่วยเพิ่มรอยหยักในสมอง ทั้งยังช่วยพัฒนาสมองส่วนหน้า ส่วนท้ายทอย และสมองส่วนความรู้สึก เรียกได้ว่าช่วยพัฒนาเกือบทุกส่วนของสมองเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์แล้ว เกมโกะยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคจิตเสื่อมอีกด้วย
แต่หากคุณไม่มีเวลาเหลือพอจะเล่นเกม แต่งานที่คุณทำเป็นงานที่ต้องใช้ศักยภาพของสมองสูงอยู่แล้ว ก็ถือว่าคุณเป็นคนโชคดี เพราะงานที่คุณทำ สามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วย ด็อกเตอร์แคทลีน สมิตซ์ หนึ่งในคณะวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวในวารสารนิวโรโลจี เจอร์นัลว่า อาชีพที่ใช้ศักยภาพทางสมอง จะช่วยเพิ่มกิจกรรมให้สมองถูกใช้งานมากขึ้น ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพของเซลล์สมองไม่ให้เสื่อมถอย และยังต่อต้านอาการอัลไซเมอร์ได้
ฝึกใช้สมองคิดอย่างเป็นระบบเป็นประจำ เคล็บลับง่ายๆ ต้านอัลไซเมอร์
4.มีเพื่อนมาก
เป็นความจริงที่ว่า การมีเพื่อน จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ให้กับคุณได้ เพราะคุณจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่คิดวกวนอยู่แค่ในโลกส่วนตัวของคุณเอง เป็นผลให้คุณได้ใช้สมอง ในการเฟ้นหาเลือกคบเพื่อนที่ดี และจะยิ่งดีมากขึ้น หากคุณและเพื่อนชักชวนกันทำกิจกรรม เพื่อแบ่งปันสิ่งดีต่อสังคม อาทิ ชวนกันไปเป็นอาสาสมัครทำประโยชน์ต่างๆ เพราะไม่เพียงแต่คุณและเพื่อนจะได้ช่วยเหลือคนอื่นเท่านั้น คุณยังจะเกิดไมตรีจิตที่ดีต่อกัน และยังได้ออกกำลังกายไปในตัวด้วย แน่นอนว่าทุกสิ่งเหล่านี้ส่งผลดีต่อสุขภาพสมองของคุณทั้งสิ้น
ได้ทั้งกัลยาณมิตร และได้สมองที่ดีควบคู่ไปด้วย คุ้มจริงๆ
5.ฝึกสมาธิและปฏิบัติธรรม
เป็นที่ทราบกันดีว่า การฝึกสมาธิ และการปฏิบัติธรรมจะช่วยให้สมองผ่อนคลาย จิตใจสงบ ลดความเครียด และยังทำให้สมองปลอดโปร่งทำงานได้ดีขึ้นด้วย ด็อกเตอร์พอล นัสบวาม (Paul Nussbaum) นักวิจัย แนะนำว่า การสวดมนต์หรือฝึกสมาธิจะช่วยเพิ่มพลังให้กับสมอง โดยเฉพาะด้านความจำ
ในขณะที่ ด็อกเตอร์มาร์ติน เซลิกแมน (Martin Seligman) กล่าวว่า คนที่มองโลกในแง่ดี จะมีสุขภาพกายและใจดี ทั้งยังจะมีอายุยืนอย่างมีความสุขมากกว่าคนที่มองโลกในแง่ร้ายด้วย
Leave a Reply