เธอยืนยัน ขอหมอ “แช่แข็งสมอง” ด้วยเหตุผลที่ ทำเอาทุกคนขนลุก!!!

เธอยืนยัน ขอหมอ “แช่แข็งสมอง” ด้วยเหตุผลที่ ทำเอาทุกคนขนลุก!!!

แน่นอนว่าเรื่องสุดพิลึกพิลั่นนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อสาวใหญ่รายหนึ่งขอให้หมอช่วยแช่แข็งสมองให้ และอนุญาตให้ใช้ร่างกายเพื่อการวิจัยด้วย

สำนักข่าวจีน “ซีซีทีวี” รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ว่า นางตู๋ หง สาวใหญ่ชาวจีน ซึ่งประกอบอาชีพเป็นนักเขียน กลายเป็นคนจีนคนแรกที่ให้นักวิทยาศาสตร์ ใช้กระบวนการที่เรียกว่า “ไครออนิกส์” หรือการเก็บรักษาเซลล์ด้วยการแช่แข็งภายใต้อุณหภูมิติดลบ 190 องศา แช่แข็งสมองตัวเอง โดยเธอติดต่อกับมูลนิธิเพื่อชีวิต อัลคอร์ ไลฟ์ เอ็กซ์เทนชั่น ในรัฐแอริโซน่า สหรัฐอเมริกา ก่อนที่เธอจะเสียชีวิตด้วยอาการมะเร็งในตับอ่อน พร้อมกับจ่ายเงิน 120,000 ดอลลาร์สหรัฐ (4.3 ล้านบาท) เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ดำเนินการแช่แข็งสมองเธอตามกระบวนการดังกล่าว

โดยเธอมีความหวังที่จะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง นักวิทยาศาสตร์คาดว่า อีก 50 ปี เมื่อเทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้น แพทย์จะสามารถปลูกถ่ายสมองในร่างใหม่ ทำให้นางตู๋กลับมามีชีวิตอีกครั้งได้จริงๆ โดยร่างของนางตู่ถูกนำมาเก็บด้วยความเย็นจัด(Cryosurgery)ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ทันทีที่เธอเสียชีวิต

นางสาวจาง ซื่อเหยา ผู้เป็นลูกสาวเผยว่า แม่ของเธอเต็มใจที่จะบริจาคร่างให้กับการค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งนี้ นางตู๋ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องราวของ “น้องไอน์” เด็กหญิงชาวไทยวัย 2 ขวบที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสมอง ถูกพ่อแม่นำร่างไปแช่แข็งด้วยวิธีการเดียวกัน เพื่อหวังว่า เทคโนโลยีในอนาคตจะช่วยให้ลูกกลับขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง     อย่างไรก็ตาม นายเจีย หวัง ศัลยแพทย์ระบบประสาทแห่งโรงพยาบาลเทียนถันในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า ปัจจุบันก็พอจะมีเทคโนโลยีฟื้นคืนชีพสมองหากถูกเก็บให้คงความสดไว้เสมอตลอดระยะเวลา 50 ปี แต่การปลูกถ่ายสมองเข้าไปในร่างใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเป็นไปได้อยากอย่างยิ่ง

ใครจะไปรู้ว่าในอีก 50 ปีข้างหน้า วิทยาศาสตร์อาจจะพลิกโฉมให้สาวใหญ่คนนี้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งจริงๆ แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงล่ะก็ เธอจะใช้ชีวิตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างไร จะยังมีครอบครัวหรือคนที่เธอรักอยู่อาศัยด้วยหรือไม่ และอื่นๆ อีกมากมายที่น่าคิด เพราะชีวิตมนุษย์ไม่ได้ดำรงอยู่ได้ด้วยการหายใจ หรือใช้สมองแต่เพียงอย่างเดียว เรายังมีหัวใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากในการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขด้วย

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก เดลินิวส์ออนไลน์