เปิดตำนาน…มากกว่า 500 ศพ ป่าที่คนนิยมไป “ฆ่าตัวตาย” มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น
หลายคนอาจพอทราบมาบ้างว่า ประชากรญี่ปุ่นมีสถิติการฆ่าตัวตายที่ค่อนข้างสูง ซึ่งมีหลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า นอกเหนือจากความแอ๊บแบ๊ว ที่คนภายนอกมองเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นแล้ว แท้ที่จริงนั้นญี่ปุ่น เป็นประเทศที่ค่อนข้างเคร่งเครียดในการทำงาน และมีการแข่งขันค่อนข้างสูง เมื่อแรงกดดันจากหลายฝ่ายเพิ่มขึ้น จึงทำให้ “การฆ่าตัวตาย” เป็นอีกทางเลือกสำคัญที่คนญี่ปุ่นใช้หนีปัญหา และปลดชีวิตตัวเอง
อะโอะกิงะฮะระ (Aokigahara) หรือมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า นทีแห่งไม้ เป็นชื่อเรียกป่าบริเวณเชิงภูเขาฟูจิด้านตะวันตกเฉียงเหนือ ในประเทศญี่ปุ่น
อะโอะกิงะฮะระเป็นสถานที่ที่ชาวญี่ปุ่นมาฆ่าตัวตายบ่อยครั้ง โดยนับตั้งแต่ ค.ศ. 1950 เป็นต้นมา พบศพผู้เสียชีวิตในป่าแห่งนี้มากกว่า 500 คน เฉลี่ยแล้วมีผู้ฆ่าตัวตายในป่าแห่งนี้ประมาณปีละ 30 ราย ในปี ค.ศ. 2002 พบร่างผู้เสียชีวิต 78 ศพ จนถึงกับว่าในป่าแห่งนี้ จะต้องมีป้ายทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นที่มีเนื้อหาเกลี้ยกล่อมให้เปลี่ยนใจ เลิกฆ่าตัวตายติดเอาไว้
มีตำนานและความเชื่อต่าง ๆ เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มากมาย ว่า เป็นที่สิงสถิตย์ของเหล่าภูตผี โดยเชื่อว่า ป่าแห่งนี้มีวิญญาณต้นไม้ หรือโคะดะมะ สิงสถิตย์อยู่ เหล่าวิญญาณของต้นไม้จะดูดเอาพลังงานชีวิตจากผู้เสียชีวิตกลับคืนเป็นพลังแห่งป่า เพื่อต้านภัยธรรมชาติและต้านภัยของมนุษย์
พื้นป่าส่วนใหญ่เป็นหินภูเขาไฟและมีความแข็งยากที่จะเจาะทะลุได้ด้วยเครื่องมืออย่างพลั่วหรือเสียม นอกจากนี้ ยังมีเส้นทางอย่างไม่เป็นทางการหลายเส้นทางซึ่งถูกใช้กึ่งปกติสำหรับ “การตามหาศพ” ประจำปีซึ่งกระทำโดยอาสาสมัครท้องถิ่น ผู้ซึ่งทำเครื่องหมายพื้นที่ค้นหาด้วยเทปพลาสติก เทปพลาสติกนี้ไม่เคยถูกนำออก ดังนั้นเทปพลาสติกจำนวนมากจึงพบดาษดื่นในกิโลเมตรแรกของป่า พ้นจากเส้นทางที่กำหนดไว้นั้นนำไปสู่แหล่งท่องเที่ยว อย่างเช่น ถ้ำน้ำแข็งและถ้ำลม หลังจากกิโลเมตรแรกเข้าสู่ป่าอะโอะกิงะฮะระในทิศทางมุ่งไปยังภูเขาไฟฟูจินั้น ป่าอยู่ในสภาพ “ดึกดำบรรพ์” มากขึ้น โดยมีสัญลักษณ์ให้เห็นว่ามนุษย์เข้ามาย่างกรายเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย
อะโอะกิงะฮะระเป็นสถานที่ยอดนิยมที่จะมีผู้มาฆ่าตัวตาย โดยมีรายงานว่าเป็นสถานที่ฆ่าตัวตายที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับสองของโลก รองจากสะพานโกลเดนเกตในซานฟรานซิสโก จนกระทั่งมีการดัดแปลงเป็นนวนิยายในปี ค.ศ. 1960 ชื่อ “ทะเลป่าดำ” โดยไซโซ มัตสึโมโตะ ที่เรื่องราวจบลงที่คู่รักทั้งสองที่เป็นตัวเอกของเรื่องฆ่าตัวตายในป่า อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์การฆ่าตัวตายในอะโอะกิงะฮะระมีมาตั้งแต่ก่อนตีพิมพ์นวนิยายดังกล่าว และสถานที่แห่งนี้ยังเกี่ยวของกับความตายมาเป็นเวลาช้านานแล้ว มีการกล่าวว่าอุบาซุเตะได้กระทำในสถานที่แห่งนี้ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 และป่าเป็นที่เลื่องลือว่ามีผีสิง ซึ่งเป็นผู้ที่ถูกทิ้งให้ตายในป่า
นับตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1950 มีผู้เสียชีวิตในป่ามากกว่า 500 คน ซึ่งส่วนใหญ่ฆ่าตัวตาย โดยเฉลี่ยแล้วมีผู้เสียชีวิตราว 30 คนต่อปี ในปี ค.ศ. 2002 พบร่างผู้เสียชีวิต 78 ศพอยู่ในป่า ทำลายสถิติ 73 ศพ เมื่อปี ค.ศ. 1998 ในปี ค.ศ. 2003 จำนวนผู้เสียชีวิตในปีนั้นเพิ่มขึ้นเกิน 100 ศพ
ปัจจุบัน รัฐบาลท้องถิ่นได้หยุดการเผยแพร่จำนวนผู้เสียชีวิตในความพยายามที่จะลดความสัมพันธ์ระหว่างอะโอะกิงะฮะระกับการฆ่าตัวตาย
ทางพุทธศาสนาเชื่อว่า การฆ่าตัวตายนั้น ถือเป็นหนึงในบาปขั้นรุนแรงอันดับต้นๆ ของการทำบาปทั้งหมด อาจเพราะการปลิดชีวิตตัวเอง นอกจากจะเป็นการไม่รักตัวเองอย่างยิ่งยวดแล้ว ยังเป็นการทรมานจิตใจบิดา มารดาผู้ให้กำเนิด และผู้ที่รักเรามากที่สุดในโลกอีกด้วย
ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตรูปภาพจาก เพจตำนาน คดีดัง
Leave a Reply