หนุ่มแบงค์กรุงไทย ฉก 19 ล้าน หนีไม่พ้น…จนมุมที่ลาว

หนุ่มแบงค์กรุงไทย ฉก 19 ล้าน หนีไม่พ้น…จนมุมที่ลาว

1

เมื่อ เงินจำนวนมาก ผ่านสายตา หากคนที่จิตใจไม่เข้มแข็งพอ ก็อาจไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ โดยเฉพาะหากคน ๆ นั้นมีหนี้การพนัน หรือมีผีการพนันเข้าสิงด้วยแล้ว ไหนเลยจะไม่กล้าพอที่จะเสี่ยงโจรกรรมเงินจำนวนมาก ที่เขาคิดว่า สามารถนำไปใช้หนี้ แล้วหนีไปกลบดานตัวได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่คิดถึงแง่ร้ายว่า หากจำได้จะเกิดผลกรรมที่ตามมาอย่างไร

สืบ เนื่องจากเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา นายวันชัย ศรีกุงทอง อายุ 40 ปี รับมอบอำนาจจากนางจรรยา จันทวรสุทธิ์ กรรมการ ผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยธุรกิจบริการ จำกัด เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองขอนแก่น เพื่อให้ดำเนินคดีพนักงานของบริษัท ประกอบด้วยนาย ธวัชชัย สำราญบำรุง นายสมโภชน์ โพธิ์สม และนายสุรศักดิ์ ประเสริฐสังข์ ซึ่งพนักงานทั้ง 3 รายมีหน้าที่ตรวจสอบและนำจ่ายเงินสดให้กับตู้เอทีเอ็มของธนาคารกรุงไทยต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่ภายในเขต อ.เมืองขอนแก่น จากการตรวจสอบแล้วสงสัยว่าทั้งหมดได้ร่วมกันยักยอกและลักเงินของธนาคารไป ประมาณ 19,762,200 บาท ขณะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใส่ในตู้เอทีเอ็มทั่วเมืองขอนแก่น จำนวน 17 ตู้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนาย ธวัชชัย และนายสุรศักดิ์ มาสอบสวนจนทราบว่านายสมโภชน์ได้หลบหนีข้ามไป สปป.ลาว ก่อนจะมีการประสานงานข้ามประเทศ และจับกุมตัวนายสมโภชน์ได้เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา

ระหว่าง วันที่ 27-31 ก.ค.ที่ผ่านมา ทางธนาคารได้ตรวจสอบพบว่าเงินในตู้เอทีเอ็มจำนวน ดังกล่าวหายไป หลังพบสิ่งผิดปกติใน ระบบการนำจ่ายเงินและระบบเงินสดของ ตู้เอทีเอ็มทั้ง 17 ตู้ โดยเฉพาะวันหยุด สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันหยุดยาวที่ธนาคารจะต้องเบิกจ่ายและตรวจสอบระบบเงินสดภายในตู้เอ ทีเอ็มทั้งหมด จนพบว่ามีเงินหายไปจากระบบ อีกทั้งพนักงานทั้ง 3 ราย ที่ปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาดังกล่าวก็ได้ขาดงานไปอย่างผิดปกติอีกด้วย

ต่อ มาเวลา 14.30 น. วันเดียวกัน พล.ต.ท. บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้นำตัวนายสมโภชน์ พร้อมด้วยรถยนต์ตู้โตโยต้า สีขาวคาดน้ำเงิน ทะเบียน ตณ 5819 กทม. เขียนข้างรถว่า k-143 มาจอดใกล้กับตู้เอทีเอ็มธนาคาร กรุงไทย บริเวณหน้าบก.ตชด.ขอนแก่น ถ.หลังศูนย์ราชการ เขตเทศบาลนครขอนแก่น เพื่อทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดย เป็นจุดที่ผู้ต้องหายักยอกนำเงินออกจากตู้เก็บเงิน นอกจากนี้ยังนำตัวไปชี้จุดยักยอกเงินออกจากตู้เก็บเงินอีก 10 แห่ง ทั้งในเขตมหาวิทยาลัยขอนแก่นและบริเวณโดยรอบ ท่ามกลางประชาชนที่ทราบข่าวได้พากันมามุงดูเป็นจำนวนมาก

เบื้อง ต้นสอบสวนนายสมโภชน์รับสารภาพว่าลงมือทำเพียงคนเดียว ส่วน เพื่อนอีกสองคนไม่เกี่ยวข้อง จึงนำตัวนายสมโภชน์มาชี้จุดต่างๆ ที่ตัวเองยักยอกเงินออกจากตู้เก็บเงิน เพื่อประกอบคำรับสารภาพ สำหรับผู้ต้องหานั้นเป็นพนักงานของบริษัทแห่งนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว มีหน้าที่เกี่ยวกับรับเงินใส่ตู้เก็บเงินและนำไปเติมตู้เอทีเอ็มในเขต อ.เมืองขอนแก่น โดยทราบด้วยว่าเมื่อประมาณเดือนก.พ.ที่ผ่านมานายสมโภชน์ได้มีกุญแจตู้เก็บ เงินที่ต้องเอาไปใส่ไว้ในตู้เอทีเอ็ม 1 ดอก จึงได้ทยอยเปิดตู้เก็บเงินเพื่อขโมยเงินออกมาครั้งละ 2-3 แสนบาท และก็จะทำทุกครั้งที่ต้องนำตู้เก็บเงินไปใส่ไว้ในตู้เอทีเอ็ม ก่อนเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนมาในวันสุดท้ายก็เมื่อวันที่ 30 ก.ค.ที่ผ่านมา กระทั่งบริษัทตรวจสอบพบว่ามีเงินจำนวนกว่า 19 ล้านบาทได้หายไปจากระบบ และเข้าแจ้งความดำเนินคดี

จากการสอบ สวนนายสมโภชน์ยอมรับสารภาพอีกว่าลงมือก่อเหตุยักยอกเงินของบริษัท มานานกว่า 5 เดือนแล้ว เงินที่ได้มาบางครั้งก็จะนำไปแจกจ่ายให้กับญาติๆ คนละแสนสองแสน ส่วนเพื่อนร่วมงานบางคนก็มาขอเงินครั้งละ 5 พันบาท บางคนก็ขอ 5 หมื่นบาท ซึ่งก็ไม่เคยปฏิเสธใครไป และก็ไม่มีใครถามด้วยว่าได้เงินมาจากไหน เพราะทุกคนต่างก็เข้าใจว่านายสมโภชน์ได้เงินมาจากเล่นพนันบักคาราออนไลน์ หรือเล่นพนันฟุตบอลต่างประเทศ ที่ผ่านมาจะใช้วิธีการป้องกันการถูกตรวจจับ คือเมื่อจะมีการตรวจสอบก็จะเอาเงินที่ขโมยมาก่อนหน้านี้ยัดใส่ให้ไปเหมือน เดิมทำเหมือนกับแชร์ลูกโซ่ โดยไม่มีใครรู้อีกด้วย

สำหรับเงินที่ถูก ผู้ต้องหายักยอกไป ภายหลังจากการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตามไปตรวจค้นที่บ้านพักของนายสม โภชน์ที่บ้านแอวมอง ต.พระลับขอนแก่น ก็สามารถยึดเงินสดกลับมาได้ประมาณ 1.5 ล้านบาทเศษ พร้อมทองรูปพรรณอีกจำนวน 5 เส้น และสายรัดเงินธนบัตรชนิดต่างๆ รวมกว่า 40 เส้น

เงินที่ไม่ใช่ของ ๆ เรา หากโจรกรรมไปแล้ว ก็เป็นบาปที่ติดตามตัว ทำไมไม่ฉุกใจคิดถึงผลเสียของการขโมยบ้าง นอกจากจะถูกจับได้ และต้องไปใช้ผลกรรมในคุกชนิดขังลืมแล้ว เงินที่คุณขโมยไป อาจจะเป็นเงินเพียงก้อนสุดท้ายของใครอีกหลายคนก็ได้

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก ข่าวสดออนไลน์