10 พิธีกรรมสุดแปลกจากทั่วโลก ที่เห็นแล้วจะต้องขนลุก!!

10 พิธีกรรมสุดแปลกจากทั่วโลก ที่เห็นแล้วจะต้องขนลุก!!

0

เรื่องของพิธีกรรมมีกระทำมาสืบเนื่องยาวนาน ตามความเชื่อของแต่ละเผ่าพันธุ์ หรือของแต่ละประเทศ ซึ่งความเชื่ออย่างนี้ล้วนมีมานานตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความเชื่อเกี่ยวกับผีสาง และเทวดา เหตุที่ต้องเชื่อแบบนั้น เพราะในอดีตการกระทำดังกล่าว ทำให้บรรพบุรุษของแต่ละท้องที่อยู่รอดและปลอดภัย ดังนั้นการกระทำตามพิธีกรรมจึงมักกระทำอย่างสืบเนื่องยาวนาน

พิธีกรรมนั้นเป็นแบบแผนความเชื่อที่ปฏิบัติต่อกันมายาวนาน และมีความเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ โดยที่พิธีกรรมในโลกนี้นั้นมีอยู่มากมาย แต่พิธีกรรมที่น่าสยดสยอง และชวนให้หวาดเสียวแบบสุดๆ นั้นมีให้ได้เห็นกันไม่ค่อยจะบ่อยนัก และมีเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น เรียกได้ว่าเห็นแล้วขนลุกกันเลยทีเดียว พิธีกรรมสุดสยองเหล่านี้จะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันเลย

10

  1. Thaipusam / ประเทศอินโดนีเซีย

เป็นเทศกาลความเชื่อของชาวฮินดู ในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี ที่จัดขึ้นเพื่อบูชาวันคล้ายวันเกิดของเทพเจ้าของเขาคือ “มุรุกัน” หรือ “พระขันธกุมาร” นั่นเอง เทศกาลนี้เป็นการแสดงความศรัทธา ตอบแทนคุณ และยอมทรมานตัวเอง โดยจะมีการใช้อาวุธแหลมแทงตามอวัยวะต่างๆ รวมทั้งมีการแบกของหนักกว่า 60 – 80 กิโลกรัม เดินขึ้นบันได้ 200 ขั้น รวมระยะทางกว่า 3 กิโลเมตรได้เลย เชื่อว่าใครเห็นก็หวาดเสียวไปตามๆ กัน

9

  1. Bullet Ant Ritual / ประเทศบราซิล

ต่อมาเป็นพิธีกรรมสำหรับเด็กผู้ชาย ที่จะก้าวไปสู่ช่วงวัยหนุ่มในชนเผ่า Satere แถบลุ่มแม่น้ำอะเมซอน โดยจะทำการจับ “มดกระสุน” (ซึ่งเป็นมดที่กัดเจ็บที่สุดในโลก) จากนั้นก็เอาสมุนไพรมาทำให้พวกมันสลบแล้วนำไปใส่ไว้ในถุงมือตาข่าย แล้วให้เด็กผู้ชายที่เข้าร่วมพิธียัดมือลงไปในถุงมือตาข่าย ให้มดกระสุนที่กำลังดุร้ายกัดมือนานถึง 10 นาที!! เพื่อพิสูจน์ความเป็นชายเต็มตัว โดยพิธีกรรมนี้ต้องทำมากถึง 20 ครั้งเลยทีเดียว…ถ้าจะทดสอบความเป็นชายได้โหดขนาดนี้ ขอเป็นผู้หญิงดีกว่าจ้า

8

  1. Tibetan Sky burial / ประเทศทิเบต

เชื่อว่าทุกคนต้องสงสัยว่า พิธีกรรมแบบนี้ก็มีด้วยหรอ? เพราะในทิเบต ชาวพุทธที่นั้นมีการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์แปลกๆ อย่างการฝังศพบนท้องฟ้า…นั่นคือหากมีคนตาย ผู้ประกอบพิธีกรรมจะทำการจัดการศพให้เร็วที่สุดด้วยการตัดศพออกเป็นชิ้นๆ และให้ฝูงอีแร้งที่ตนเลี้ยงเอาไว้กิน!! และซากที่เหลือเอาไปเผา ตามความเชื่อของชาวพุทธที่นั้นเชื่อเรื่องวัฏจักรการเกิดใหม่ จิตวิญญาณไปอีกที่หนึ่ง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาร่างกาย อีกทั้งนกแร้งเปรียบเสมือนผู้ร่ายรำบนท้องฟ้า มีฐานะเทียบเท่าเทพบุตรและเทพธิดา ซึ่งเทพทั้งหลายเหล่านี้จะนำวิญญาณผู้ตายไปสู่สวรรค์

7

  1. Baby Dropping / ประเทศอินเดีย

เป็นพิธีกรรมเก่าแก่กว่า 700 ปีของชาวอินเดียมุสลิม โดยที่เขาจะทำการโยนเด็กอายุไม่เกิน 2 ขวบลงจากชั้นบนของมัสยิด ซึ่งสูงประมาณ 50 ฟุต โดยด้านล่างนั้นจะมีการขึงผ้าเพื่อใช้รองรับเด็ก โดยเชื่อว่าจะทำให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ทั้งยังช่วยให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง และเป็นการแก้เคล็ดอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นที่ชอบใจของใครหลายคนนัก เพราะปัจจุบันนี้มีนักสิทธิมนุษยชนได้ทำการต่อต้านพิธีกรรมนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันอันตรายต่อเด็กเกินไปนั่นเอง ก็แหมเด็กกำลังเล็ก มาโยนกันซะได้!!

6

  1. Ma’Nene / ประเทศอินโดนีเซีย

กลับมาที่ประเทศอินโดนีเซียกันต่อ กับอีกประเพณีที่แปล๊ก…แปลก นี่เป็นพิธีปลุกศพเดินกลับบ้านของชาวบ้านจากหมู่บ้านโทราจา และหมู่บ้านมามาซาในชนบท โดยพวกเขาจะขุดศพขึ้นมาแต่งตัวใหม่ จากนั้นก็จะพาศพเดินกลับบ้าน ซึ่งระหว่างช่วงที่แบกศพกลับบ้านมีข้อห้ามว่า ห้ามคุยกับศพเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าจะทำให้ผู้นั้นล้มป่วย และไม่สามารถพาศพกลับบ้านได้อีกนั่นเอง อื้อหือ พิธีนี้ถ้ามาทำที่บ้านเราต้องมีการล่า ท้า ผี ชัวร์ๆ

 5

  1. Land Diving / ประเทศวานูอาตู

ประเทศวานูอาตู ในมหาสมุทรแปซิฟิก มีพิธีกรรมแปลกประหลาดที่เรียกว่า Gkoi มีลักษณะคล้ายบันจีจัมพ์ เป็นพิธีกรรมที่จัดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก่อนที่มันฝรั่งต้นแรกจะถูกเพาะปลูก เพื่อขอพรจากพระเจ้าให้ผลผลิตอุดม สมบูรณ์ โดยชาวบ้านจะร้องเพลง และเต้นรำด้วยกัน จะมีอาสาสมัครที่เป็นผู้ชายทำพิธีการกระโดดบันจีจัมพ์ พวกเขาจะผูกเถาวัลย์รอบข้อเท่า และกระโดดลงมาจากอาคารไม้ที่สูงมากกว่า 25 เมตรที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับพิธีกรรมนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอาสาสมัครไม่สนใจสภาพร่างกายของตนแม้แต่น้อยกับ เรื่องกระดูกหักจากการก้าวกระโดดแม้แต่น้อย และยิ่งโดดสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งแสดงความเป็นลูกผู้ชายมากยิ่งขึ้นนั้นเอง

4

  1. Famadihana / ประเทศมาดากัสการ์

ฟามาดิฮานา (Famadihana) เป็นพิธีศพของมาดากัสการ์ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ ที่เชื่อว่าวิญญาณของคนตายจะสามารถไปโลกหน้าได้ หลังจากร่างกายเน่าเปื่อยสูญสลายเป็นสมบูรณ์ และเพื่อการนั้นแต่ละครอบครัว ในทุกๆ 2-7 ปี ของการตายของบรรพบุรุษของพวกเขาจะเอาศพของผู้เสียชีวิตขึ้นจากโลงที่ฝังไว้ใต้ดิน เอามาผึ่งแดด และห่อด้วยผ้าไหมผืนใหม่ และแห่ศพเต้นรำรอบหลุมฝังศพของพวกเขา ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่เคารพคนตาย และนอกจากนี้ยังเป็นงานที่ญาติพี่น้องพบปะกันอีกด้วย

3

  1. Mourning of Muharram / ประเทศอัฟกานิสถาน, อิหร่าน, อิรัก, ปากีสถาน, เลบานอน, อินเดีย

สาวกนิกายชีอะห์ ของศาสนาอิสลาม ได้ประกอบพิธีกรรมหมู่ที่น่าหวาดเสียว คือการเฆี่ยน และทำร้ายตัวเองด้วยใบมีดติดโซ่ ให้เลือดไหลออกจากร่างกาย เป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์ของมูฮัมหมัด เพื่อรำลึกถึงความทุกข์ทรมานของฮุสเซน หลานชายของศาสดามูฮัมหมัดนั่นเอง และนั้นเป็นสิ่งที่อธิบายถึงภาพสยดสยองในการประกอบพิธีกรรมที่มีต่อการไว้อาลัยของท่านฮุเซน ที่ต้องบอกเลยว่าพิธีกรรมนี้มีแต่เลือด กับเลือดเต็มไปหมด!!

 2

  1. Ulwaluko / แอฟริกาใต้

มาต่อกันที่พิธีกรรมเฉือนหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย หรือว่าขริบนั้นแหละค่ะ โดยนี่เป็นพิธีกรรมของชนเผ่า Xhosa โดยขั้นตอนการทำนั้นจะทำกันแบบไม่พึ่งยาชาหรือยาสลบ รวมทั้งห้ามส่งเสียงร้องอีกด้วย โดยจะใช้มีดปลายแหลมเฉือนกันสดๆ เลยทีเดียว ซึ่งหลังจากเฉือนแล้วก็จะถูกนำไปทิ้งไว้ในกระท่อมห่างไกล ที่ไม่มีอาหาร ไม่มีใครเลย มีแต่ตัวเองเท่านั้น โดยต้องอาศัยอยู่ที่กระท่อมนั้นจนกว่าแผลจะหาย ถ้าแผลหายแล้วก็จะถือว่าเป็นชายทั้งแท่ง และสามารถกลับไปยังเผ่าได้แบบภาคภูมิ

1

  1. Phuket Vegetarian Festival / ประเทศไทย

อย่าคิดว่าพิธีกรรมแปลก ๆ แบบนี้ที่ประเทศไทยเราจะไม่มี เพราะที่เกาะภูเก็ต ก็มีประเพณีกินเจประจำปีที่ไม่เหมือนใคร เมื่อพวกเขาทำพิธีกรรมที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานหลายร้อยปี ที่แสนจะน่าหวาดเสียว เมื่อกลุ่มคนที่เรียกว่า “ม้าทรง” และพวกเขาจะใช้อาวุธนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น มีด ดาบ หอก ร่ม สมอเรือ ฯลฯ ทิ่มแทงทะลุกระพุ้งแก้ม ร่างกาย และทรมานร่างกายโชว์แห่ต่อหน้าผู้คน โดยเชื่อกันว่าม้าทรง คือร่างประทับของเทพเจ้าของพวกเขาในระหว่างพิธีกรรมเพื่อช่วยปกป้องพวกเขาจากความชั่วร้าย และนำความชั่วร้ายมาสู่ชุมชนนั้นเอง เลยต้องทำร้ายมันจนกลัว และไม่กล้าเข้ามาในหมู่บ้าน

คนที่เชื่อก็เชื่อไป และกระทำพิธีสืบต่อกันมาเรื่อย ๆ ส่วนคนที่ไม่เชื่อในพิธีกรรมก็มักไม่สนใจ และไม่สืบสานต่อให้เป็นมรดกของลูกหลาน เพราะมองว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีสาระ ก็คงต้องบอกว่านานาจิตตัง เอาเป็นว่า ถ้าพิธีกรรมเหล่านี้กระทำแล้ว ทำให้ผู้คนในสังคมหรือชุมชนนั้น ๆ มุ่งทำความดี จรรโลงสังคม และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ถือว่าเป็นพิธีกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ก็แล้วกัน

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก toptenthailand.com