เคล็ดลับ…วิธีการดูแล “จิ๊มิ” ให้มีกลิ่นประทับใจ “คุณสามี”

เคล็ดลับ…วิธีการดูแล “จิ๊มิ” ให้มีกลิ่นประทับใจ “คุณสามี”

1

“จิ๊มิ๊” หรือ “จุดซ่อนเร้น” ของคุณผู้หญิง เป็นสิ่งที่ทั้งสร้างความประทับใจให้คุณสามี และยังเป็นส่วนที่สร้างความรู้สึกยอดแย่ให้คุณสามีด้วยนะคะ (เพียงแต่เขาอาจไม่กล้าบอกคุณตรง ๆ ว่า เขารู้สึกแย่แค่ไหน) ยอมรับเถอะค่ะว่าเรื่องธรรมชาติเหล่านี้ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้มนุษย์เติบโตไปในอนาคต

สาว ๆ หลายคนพยายามเฟ้นหาวิธีเอาใจคุณสามีด้วยการกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ แต่ก็ไม่ได้ผลสักที คราวนี้มีวิธีใหม่และถูกต้องมาให้ทดลองค่ะ

จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นแรง

ปฎิเสธไม่ได้เรื่องกลิ่นของจุดซ่อนเร้นมีทุกคนค่ะ แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเพศ อาหารที่รับประทาน การดูแลเรื่องความสะอาดของแต่ละคน รวมถึงผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ด้วย ช่องคลอดมักมีกลิ่นไม่พึงประสงค์มักมาร่วมกับอาการคัน มีตกขาว แสบร้อน ระคายเคือง หรือจะมาแค่กลิ่นก็ได้

สาเหตุของกลิ่น

1 เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือโรค Bacterial Vaginosis ที่มักจะพ่วงมากับอาการคันและมีตกขาว ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียนี้เกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด เกิดได้ในผู้หญิงทุกคนแม่จะไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็ตามค่ะ

2 เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างเชื้อทริโคโมแนสก็ทำให้เกิดกลิ่นได้ค่ะ อาการคล้าย ๆ กันคือ มีตกขาวสีเหลืองปนเขียว คัน และมีกลิ่น ซึ่งควรพบแพทย์เช่นกันค่ะ

3 สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่ สุขอนามัยที่ไม่ดี การมีสิ่งแปลกปลอมในช่องคลอด เช่น ลืมผ้าอนามัยแบบสอดไว้ในช่องคลอด มีชิ้นส่วนของถุงยางอนามัย สิ่งแปลกปลอม เซ็กส์ทอย

4 สาเหตุอื่นที่พบได้แต่ไม่บ่อย ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอดนะคะเห็นไหมคะ ว่าแค่ “กลิ่น” ที่ผิดปกติ อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ

ซึ่งหากมีอาการควรพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาให้ตรงจุดคุณผู้หญิงส่วนใหญ่เวลามีอาการผิดปกติชอบไปซื้อยามาเหน็บเองซึ่งยาเหน็บส่วนใหญ่มันเป็นยาฆ่าเชื้อรา ทางที่ดีควรพบแพทย์เพื่อตรวจดูก่อนว่ากลิ่นที่ว่าเกิดจากอะไร จะได้ให้ยาให้ตรงกับโรคที่เป็นได้ค่ะ

วิธีแก้ไขและป้องกัน

1 งดของหมักดอง รสจัดจ้าน หลายๆคนที่ชอบกินของหมักของดอง ต้องเพลาๆ กันลงบ้างเพราะจะทำให้น้องสาวมีกลิ่นเหม็น บางคนกินอาหารรสจัด กลิ่นฉุน หรือกระเทียม ปลาร้า ปูดอง ปลาเค็ม วันรุ่งขึ้นน้องสาวเหม็นตีขึ้นจมูกไปเลยก็มี

2 การกินนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต ก็ช่วยน้องสาวของคุณ มีกลิ่นหอมสดชื่นได้นะคะ ทานสัก 2-3 วัน อาการเหม็นก็บรรเทาเบาบางลง และที่สำคัญทานน้ำเปล่าให้มากค่ะจะช่วยได้ดีทีเดียวเชียว

3 อย่าสวนล้างช่องคลอด หลายๆคนคงคิดว่าการสวนล้างช่องคลอดบ่อยๆจะทำให้น้องสาวสะอาดยิ่งขึ้น เข้าใจผิดนะคะ การสวนล้างบ่อยๆจะทำให้ช่องคลอดเกิดภาวะเป็นด่าง สิ่งที่ตามมาคืออัตราการสร้างเชื้อแบคทีเรียก็สูงเพิ่มมากขึ้นด้วยและอาจจะเสี่ยงต่อการเป็นโรคช่องคลอดอักเสบด้วยนะคะ

4 ทำความสะอาดแบบเช็ดหลังมาหน้า ข้อนี้น่าจะเป็นข้อที่นึกภาพออกได้อย่างชัดเจน เวลาเข้าห้องน้ำทำธุระหนัก หลายคนชอบเช็ดจากหลังมาหน้าคือพูดง่ายๆ เริ่มต้นเช็ดจากก้นมาจบที่น้องสาว ของเสียที่ขับออกมาจากทางทวารคงไม่ต้องบรรยายว่าเหม็นและสกปรกขนาดไหน พอเชื้อโรคพวกนี้เข้าไปอยุ่ในช่องคลอดก็ยิ่งอับและเหม็น บางคนมีกลิ่นเหม็นจนอายตัวเองไปเลย

5 กินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ การกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อ หรือกินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ยาปฏิชีวนะจะไปทำลายเจ้าเชื้อแบคทีเรีย “แลคโตบาซิลลัส” ที่มีหน้าที่ฆ่าเชื้อราในช่องคลอด ทีนี้จึงเป็นโอกาสให้เชื้อราเจริญเติบโตอยู่ภายในช่องคลอด  ทำให้มีโอกาส ตกขาว และมีกลิ่น มากขึ้น

6 เลือกสวมใส่กางเกงชั้นใน   กางเกงชั้นในที่ดีระบายอากาศต้องทำจากผ้าคอตตอนที่บางเบา ระบายอากาศได้ดี ไม่สวมใส่ชุดชั้นในรัดแน่นจนเกินไปนอกจากสร้างกลินแล้ว ทำให้เกิดการเสียดสีเพิ่มมากขึ้น รอยคล้ำเพิ่มมากขึ้นด้วย

7 ในผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์พบว่า จุดซ่อนเร้นมักมีกลิ่นเพิ่มขึ้นโดยเท่าตัว เนื่องจากมีการเปลี่ยนเเปลงของระดับออร์โมนในร่างกาย คุณแม่ตั้งครรภ์อย่าละเลยสุขภาพของจุดซ่อนเร้น เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องคลอดได้ค่ะ

ทราบถึงสาเหตุ และวิธีการแก้ไขกลิ่นของจุดซ่อนเร้น ให้ซ่อนเร้นสมชื่อกันไปแล้ว ลองนำไปปฏิบัติดูนะคะ อาจจะยังไม่ได้ลดกลิ่นในทันที แต่ปฏิบัติไปเรื่อย ๆ รับรองว่า กลิ่นหาย! เห็นผลดีอย่างแน่นอนค่ะ

ขอบอกว่าย้ำ ๆ ว่า ควรลองนำไปปฏิบัตินะคะ ดีจริงๆ

ขอขอบคุณข้อมูล และรูปประกอบจาก mamaexpert.com