บุญเพ็ง หีบเหล็ก ฆาตกรโหด กับคาถาเมตตามหานิยม เมื่อเขาถูกฆ่าตาย สิ่งที่อยู่ในปากเขาทำเอาชาวบ้านขนลุก!!
แท้ที่จริงแล้ว ฆาตกรต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย หรือสังคมโลก แต่ฆาตกรต่อเนื่องมีมาตั้งแต่อดีตกาลนานโพ้นแล้ว เช่นเดียวกับในสมัยรัชกาลที่ 6 ก็มีฆาตกรใจโหด ที่ว่ากันว่า ลงโทษประหารเท่าไหร่ก็ไม่ตาย เพราะเขาทำเสน่ห์เมตตามหานิยม
บุญเพ็ง หีบเหล็ก ประวัติฆาตกรสุดโหด อดีตพระนอกรีตทำเสน่ห์เมตตามหานิยม ลวงเศรษฐีนีมีเพศสัมพันธ์ ฉวยทรัพย์ ก่อนฆ่ายัดหีบเอาศพถ่วงน้ำ
ถือได้ว่าเป็นเรื่องจริงสุดสยองขวัญที่นำมาทำเป็นหนังให้ได้ชมกันหลายต่อหลายครั้ง สำหรับ “บุญเพ็ง หีบเหล็ก” ฆาตกรสุดโหด ที่โดนโทษประหารชีวิตด้วยการตัดคอเป็นคนสุดท้าย !
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะนำเรื่องราวของ “บุญเพ็ง หีบเหล็ก” มาสร้างกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ก็มักเรียกความสนใจจากผู้คนเสมอ นั่นก็เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงอันแสนโหดเหี้ยมของชายคนหนึ่งที่ปลิดชีพหญิงสาวพร้อมกับเอาศพใส่หีบถ่วงน้ำทุกศพ แถมยังมีคาถาอาคมลึกลับ ที่ทำให้เพชฌฆาตตัดหัวเขาไม่ขาด เป็นเพราะอะไรนั้น ตามมาหาคำตอบได้จากเรื่องราวของ บุญเพ็ง หีบเหล็ก ….
สำหรับ “บุญเพ็ง หีบเหล็ก” นั้น เป็นฉายาของ นายบุญเพ็ง ฆาตกรสุดเหี้ยมโหดในสมัยรัชกาลที่ 6 โดยนายบุญเพ็งเกิดทีเมืองท่าอุเทน มณฑลอุดร และได้เข้ามาอยู่ในกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่อายุ 5 ขวบ โดยอาศัยอยู่กับตาสุกและยายเพียร
เดิมทีนายบุญเพ็งเป็นพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในเมืองนนทบุรี และมีลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นผู้หญิงร่ำรวย ซึ่งบุญเพ็งได้ใช้วิชาอาคมด้วยการทำเมตตามหานิยมให้กับผู้หญิงที่หลงเชื่อ ด้วยการหลอกล่อเอาเงินและมีเพศสัมพันธ์กับสีกาที่มาให้บุญเพ็งทำเสน่ห์
ในช่วงนั้น บุญเพ็งมีสีกาติดพันค่อนข้างเยอะ มีเข้าไปหาทั้งตอนกลางวัน และตอนกลางคืน อีกทั้งยังนั่งคุยจนดึกดื่น ซึ่งผู้หญิงเหล่านั้น ต่างก็ตกเป็นทาสสวาทของบุญเพ็งแทบทุกราย และนานวันเข้าก็เป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้หญิงที่ไปติดพันบุญเพ็งค่อย ๆ หายตัวไปอย่างลึกลับ พร้อมหีบเหล็กที่หายไปทีละใบ ๆ
ส่วนสาเหตุที่บุญเพ็งต้องลงมือฆ่าสีกาเหล่านั้น บ้างก็ว่ากันว่า เป็นเพราะหวังทรัพย์สมบัติ รวมไปถึงเล่นบทรักกับเหล่าสีกาอย่างซาดิสต์ ทารุณ และทรมานร่างกายจนขาดใจตาย หลังจากนั้นบุญเพ็งก็ใช้มีดสับศพเป็นท่อน ๆ ก่อนที่จะนำศพยัดใส่หีบเหล็กและนำไปทิ้งลงคลองย่านบางลำภูเพื่อทำลายหลักฐาน
สำหรับศพสุดท้ายที่บุญเพ็งลงมือฆ่านั้น เป็นคุณนายที่ถูกสามีทอดทิ้ง ซึ่งคุณนายกับบุญเพ็งเสพสมกันเป็นประจำ จนกระทั่งคุณนายเกิดตั้งท้องและร้องให้บุญเพ็งรับผิดชอบ แต่บุญเพ็งก็ไม่พอใจจึงคิดฆ่าคุณนายเหมือนกับฆ่าหญิงคนอื่น ๆ ที่ผ่านมา นี่จึงเป็นที่มาของฉายา “บุญเพ็ง หีบเหล็ก”
หลังจากนั้น ชาวบ้านก็เริ่มระแคะระคาย ด้านบุญเพ็งจึงหลบหนีไปบวชที่วัดแถวอยุธยา แต่ก็ต้องสึกออกมาเพราะต้องการแต่งงานกับหญิงที่หมายปอง ซึ่งในวันแต่งงานนั้นเอง ตำรวจก็ได้ล้อมจับกุมบุญเพ็งในข้อหาฆ่าคนตาย เนื่องจากพบหลักฐานหลังชาวบ้านไปทอดแหและเจอหีบ 7 ใบ ซึ่งมีซากศพถูกหั่นเป็นท่อน ๆ บุญเพ็งจึงต้องโทษประหารชีวิต ด้วยการตัดคอเป็นคนสุดท้าย ก่อนเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2462 โดยในช่วงประหารบุญเพ็งนั้น มีผู้คนมากมายมาดูการประหารชีวิต แต่ว่าไม่มีญาติของบุญเพ็งเลยสักคน
มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า ในตอนแรกขณะที่ประหารเพชฌฆาตไม่สามารถตัดคอบุญเพ็งได้เนื่องจากความแก่กล้าในคาถาอาคม ต่อมาเพชฌฆาตก็เอาพระขว้างทิ้งไปในกอไผ่ พร้อมกับรำดาบใหม่อีกครั้ง คราวนี้เมื่อฟันดาบลงไปที่คอ เลือดก็พุ่งกระฉูด หัวกระเด็นตกพื้น สิ้นใจในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับบุญเพ็งอีกกระแสหนึ่ง โดยบอกว่า บุญเพ็งไม่ได้ลงมือฆ่าหญิงสาว 7 ศพ แล้วยัดลงหีบถ่วงน้ำทั้งหมด แต่แท้จริงแล้ว บุญเพ็ง ฆ่าเพียง 2 ศพเท่านั้น เป็นชายหนึ่งคนและหญิงหนึ่งคน อีกทั้งการลงมือฆ่าผู้ชาย บุญเพ็งไม่ได้ลงมือคนเดียว แต่ร่วมมือกับนายจรัญ ลูกน้อง เพื่อฆ่าชิงทรัพย์
ศพแรกที่บุญเพ็งฆ่า เป็นพ่อค้าเพชรพลอยชื่อ “นายล้อม” โดยบุญเพ็งกับลูกน้อง ได้ทำการหั่นศพนายล้อมที่วัดสุทัศน์ เพื่อยัดลงหีบและนำใส่รถเจ๊กมาทิ้งไว้ที่คลองบางลำพู ทั้งนี้ที่ฆ่าก็เพื่อหวังชิงทรัพย์เท่านั้น
ศพที่สอง บุญเพ็งได้ร่วมมือกับ พระเจริญ และนายจรัญ รวมเป็นสามคน ลงมือฆ่า “นางปริก” ภรรยาขุนสิทธิคดี ซึ่งเป็นคนรวย ส่วนสาเหตุที่ลงมือฆ่านั้น เนื่องมาจาก นางปริกเป็นคู่ขากับบุญเพ็งสมสู่กันเป็นประจำ จนกระทั่งนางปริกตั้งท้อง จึงเรียกร้องให้บุญเพ็งรับผิดชอบ ด้านบุญเพ็งจึงคิดแผนการลงมือฆ่านางปริกในที่สุด
ต่อมาชาวบ้านย่านวัดไทรม้า จังหวัดนนทบุรี คนหนึ่งได้พบหีบเหล็กใบหนึ่งลอยอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยาหน้าวัด จึงช่วยกับชาวบ้านอีกคนเพื่อลากหีบขึ้นมาเปิด และเมื่อเปิดหีบเป็นต้องผงะ เนื่องจากในหีบนั้นมีศพหญิงสาวถูกมัดมือมัดเท้าในท่านั่งยอง ๆ ยัดใส่อยู่ในหีบพร้อมมุ้งคลุมศพและก้อนอิฐถ่วงหีบอีก 8 ก้อน
ก่อนหน้านี้ แม่ของนางปริกได้เข้าแจ้งความกับตำรวจว่า นางปริกลูกสาว แต่งตัวสวยไปงานจิตรลดา ตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม ซึ่งก่อนออกจากบ้าน นางปริกได้รับจดหมายจากบุญเพ็งว่าให้ไปรับสร้อยที่บุญเพ็งยืมไป หลังจากนั้นก็นางปริกก็หายตัวไป จนมาพบศพถูกห่วงในหีบดังกล่าว และหลังจากนั้น บุญเพ็งก็ถูกตำรวจจับได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น
สำหรับศพบุญเพ็ง หีบเหล็ก นั้น ทำพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดภาษี เขตวัฒนา ริมคลองแสนแสบ ปัจจุบัน มีศาลบุญเพ็ง ซึ่งบุคคลในวัดจะเรียกบุญเพ็งว่า “ลุงบุญเพ็ง” และยังเชื่อว่าหีบเหล็กทั้ง 7 ใบนั้นถูกฝังอยู่ใต้ศาลของบุญเพ็งที่วัด และเรื่องราวของเขาก็ถูกเล่าต่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความน่ากลัวของฆาตกรต่อเนื่องใจโหดรายนี้ กลายเป็นอุทธาหรณ์สอนใจ ให้หลาย ๆ คนที่คิดเผลอพลั้งทำความผิด ได้รู้ว่า ไม่ว่าจะคาถาเมตตามหานิยม หรือคาถาใด ๆ ก็ไม่มีใครหนีพ้น “ห่วงกรรม” ไปได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก wikipedia.org
Leave a Reply