จบซะที! “เสี่ยเจียง” ถอนฟ้อง “จา พนม” ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกัน

จบซะที! “เสี่ยเจียง” ถอนฟ้อง “จา พนม” ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกัน

ja

จบกันซะที กับปมดราม่าในวงการบันเทิงไทย-ฮอลลีวูด เมื่อเสี่ยเจียงได้ถอนฟ้อง จา พนม พร้อมยกเลิกการเก็บค่าเสียหาย ต่อจากนี้ขอให้ต่างคนต่างเดิน ไม่ยุ่งเกี่ยวกัน จะได้ทำงานกันอย่างสบายใจซะที

ด้าน “เสี่ยเจียง” สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสิรฐ บอสใหญ่แห่งค่ายใบโพธิ์ บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตัดสินใจเด็ดขาด ถอนฟ้องแพ่งจา พนม หรือนายทัชชกร ยีรัมย์ อดีตนักแสดงในสังกัดที่กำลังวางแผนไปโลดแล่นในภาพยนตร์ฮอลลีวูดและหนังต่างประเทศอีกหลายเรื่อง โดยทิ้งโปรเจกต์หนังไทยเรื่องสุดท้ายที่ไม่มีโอกาสได้เข้าฉายเหตุเพราะยังสร้างไม่เสร็จอย่าง “ไอ้หนุ่มกังนัม” ที่เสี่ยเจียงจ่ายค่าสร้างไปแล้วกว่า 26 ล้านบาท อีกทั้งยังจ้างดาราฮอลลีวูดมาประกบ ซึ่งยังไม่รวมค่าเสียโอกาสและการละเมิดสัญญาที่มีต่อกัน ส่วนมูลค่าเดิมในสำนวนฟ้องศาลแพ่งสูงถึง 1,600 ล้านบาท และศาลรับฟ้องแล้วเนื่องจากมีมูล และเคยส่งผลให้หนัง Fast & Furious 7 ที่มีจา พนม ร่วมแสดงถึงกับเกือบโดนระงับฉายไป จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย

การถอนฟ้องครั้งนี้เสี่ยเจียง เปิดเผยว่า “ปล่อยให้ จา พนม เป็นอิสระ ได้โบยบินไปตามเส้นทางฝันของตัวเอง และตนเองก็อายุมากแล้วก็ถือเป็นการอโหสิกรรมให้อดีตนักแสดงที่ตนเคยรักเหมือนลูก ยืนยันว่าต่อจากนี้ไปต่างคนต่างเดิน ต่างมีเส้นทางของตัวเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก อยากให้จาพนม สู้ได้ตามใจฝันโดยไม่มีห่วงอะไรกับคดีความทางตน ส่วนตนก็ได้ตัดใจแล้วและจะหันไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของบริษัท เนื่องจากตอนนี้หนังไทยอยู่ในสภาวะซบเซา ก็ต้องทุ่มเวลาทุ่มหัวสมองคิดตรงนี้เพื่อฝ่าฟันไปให้ได้เช่นกัน”

ทั้งนี้ ล่าสุดเตรียมส่งทนายไปศาลแพ่งเพื่อขอยุติเรื่องราวทั้งหมดบนชั้นศาล ถือเป็นการยุติเรื่องราวทั้งหมด และขอบคุณศาลที่เคยรับฟังมูลฟ้องจนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตในหน้าสื่อ บันเทิงไทย-เทศ ยืนยันตนทำไปเพราะต้องรักษาสิทธิ์ของบริษัทที่ลงทุนสร้างนักแสดงแอ็กชั่นสตาร์คนหนึ่งให้แจ้งเกิดขึ้นมาได้ในระดับโลก แบบที่ไม่เคยมีนักแสดงคนใดในเมืองไทยเคยได้รับการลงทุนมากขนาดนี้มาก่อน

ต่อจากนี้หลังจากข่าวนี้แพร่สะพัดไปหากจา พนม ได้ทราบเรื่องราวนี้แล้ว จะเข้ามาหาตนก็ยินดีหรือจะไม่เข้ามาเลยก็ได้ เพราะการเข้าหาไม่ใช่สาระสำคัญอะไรอีกต่อไปแล้วเนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านตน หรือคนรู้จักในวงการหนังไม่มีใครสามารถติดต่อเขาได้ ก็ขอจงรับรู้ไว้ว่าเราต่างไม่มีอะไรกันแล้ว เลิกแล้วต่อกัน จาจะได้ทำงานต่อได้อย่างสบายใจ

“เพราะกูก็ต้องไปทำงานของกูเหมือนกัน” เสี่ยเจียงกล่าวอย่างติดตลก

นับว่าเสี่ยเจียงมีความเป็นนักเลงแห่งวงการบันเทิงสูงเช่นกัน ขนาดขาดทุนร่วม 26 ล้านบาท ก็ยังอโหสิกรรมให้จา พนม อย่างนี้ถ้าจา พนม ยังไม่มาขอโทษ ขอโพย หรือไม่มาดูแลรักษาน้ำใจเสี่ยเจียงอีก ก็ถือว่าเกินไปล่ะ!!!

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์