สาวลูกครึ่งสุดปลื้ม จะได้เจอพ่อ หลังถูกทิ้งให้อยู่กับแม่และยายที่ป่วยหนัก ในบ้านจนๆ
หลายคนมองว่า ชีวิตสาวลูกครึ่ง โดยเฉพาะลูกครึ่งอเมริกันนั้น น่าจะเป็นชีวิตที่มีความสุขสุด ๆ เหมือนอย่างในทีวี แต่ก็คงไม่ใช่ทั้งหมด เพราะชีวิตของน้องแหม่มนั้น เธอเกิดมาโดยที่ไม่เคยได้รับอ้อมกอดของพ่อ มีเพียงแม่ และยายที่เลี้ยงดูมาเท่านั้น มิหนำซ้ำแม่ยังป่วยเป็นโรคขาอ่อนแรง และยายก็ป่วยเป็นโรคมะเร็งปากด้วย
น.ส.พรทิพย์ ภาเจริญ หรือน้องแหม่ม เด็กสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน วัย 16 ปี ซึ่งอยู่ที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ต้องออกมาทำงานพิเศษเพื่อหาเงินเรียนรวมทั้งดูแลนางกิ่งแก้ว ภาเจริญ วัย 43 ปี แม่ที่ป่วยขาไม่มีแรง และยายที่ป่วยเป็นมะเร็งที่ปาก โดยแม่อยากให้พ่อที่เป็นอดีตทหารอเมริกันมาช่วยดูแลส่งเสียลูกสาวได้เรียนต่อ หลังทิ้งไปมีภรรยาใหม่โดยนำลูกคนโตไปดูแลด้วย ในขณะที่ตัวเองตั้งท้องลูกคนที่สอง
น้องแหม่มเรียนอยู่ที่วิทยาลัยการอาชีพสระบุรี อยู่ชั้น ปวช. ปี 2 หลังเลิกเรียนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปขายกับทีมงานขายนมดัชมิลล์ มีรายได้วันละ 300 บาท แต่ต้องขายนมให้หมดตามที่กำหนด โดยจะไปขายเฉพาะวันที่เลิกเรียนเร็ว ถ้าเลิกเรียนเย็นกลับมาขายไม่ทัน
ด้านนางกิ่งแก้วเล่าว่า “ทางโรงพยาบาลพระพุทธบาทโทรศัพท์ติดต่อประสานมา ให้ไปรับโทรศัพท์จากบิลลี่ เรย์ คุก อดีตสามี และได้พูดคุยกันทางโทรศัพท์นิดหน่อย โดยนายบิลลี่บอกว่า หลังจากได้รับทราบข่าวก็ติดต่อกลับมา และบอกว่าขณะนี้อยู่ที่พัทยา แต่ไม่บอกว่าอยู่ตรงไหน พร้อมกับบอกว่าจะให้ภรรยาใหม่เป็นคนส่งเงินมาให้ช่วยค่าเล่าเรียนน้องแหม่มเดือนละ 5,000 บาท”
น้องแหม่มเปิดเผยว่า “วันนี้คุณแม่ได้พูดคุยกับคุณพ่อทางโทรศัพท์ และจะให้หนูคุยกับคุณพ่อ แต่หนูไม่คุย หนูอยากพูดคุยโดยเห็นหน้าตาคุณพ่อและพี่สาวด้วย”
นางกิ่งแก้วกล่าวต่อว่า “เมื่อถามถึงน.ส.เกวลิน ลูกสาวคนโต พี่สาวของน้องแหม่มที่อาศัยอยู่กับพ่อและภรรยาใหม่ ทราบแต่ว่า พี่สาวน้องแหม่มสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เรียนจบแค่ ม.2 ขณะนี้กำลังเรียนเสริมสวย โดยน้องแหม่ม ก็อยากเห็นหน้าแม่ อยากเห็นหน้าน้อง ส่วนน้องแหม่มก็อยากเห็นหน้าคุณพ่อและ พี่สาว โดยทางภรรยาใหม่บอกว่าได้เจอกันแน่ แต่ต้องนานหน่อย”
นางกิ่งแก้ว แม่ของน้องแหม่ม เล่าให้ฟังว่า “เมื่อหลายปีก่อนไปทำงานที่พัทยาและได้รู้จักนายบิลลี่ เรย์ คุก เป็นอดีตทหารอเมริกัน ปัจจุบันอายุ 66 ปี ขาข้างขวาพิการต้องใส่ขาปลอม จนต่อมาได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยา พร้อมทั้งย้ายไปอยู่อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน”
“จากนั้นได้ตั้งท้องลูกคนที่สอง นายบิลลี่ให้ตนกลับมาคลอดลูกที่บ้านอ.พระพุทธบาท โดยคลอดลูกสาวและตั้งชื่อว่าพรทิพย์ ต่อมาจึงรู้ว่าสามีกำลังมีภรรยาใหม่เป็นคนไทย และส่งเงินให้ตนเลี้ยงดูลูก เดือนละ 5,000 บาท เพื่อไม่ให้ตนเองไปก่อกวนกับภรรยาใหม่ แต่ก็ส่งเงินมาให้เพียง 3 เดือน จากนั้นก็ไม่ส่งเงินมาให้ ตนเองก็ไม่ไปรบกวนจนถึงปัจจุบัน และเลี้ยงลูกสาว คนเล็กมาจนอายุ 16 ปีแล้ว ส่วนลูกคนแรก ยังอยู่กับนายบิลลี่”
“ตอนนี้ตนเองกำลังลำบากมาก ที่บ้านอยู่กับแม่อายุ 80 ปี ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ปาก เหลนผู้หญิงวัย 2 ขวบ และน.ส.พรทิพย์ ส่วนตนเองขาไม่ค่อยมีแรงแต่ก็พยายามออกไปรับจ้างทั่วไป”
นางกิ่งแก้วเล่าอีกว่า “อยากประกาศตามหาตัวนายบิลลี่มาช่วยเหลือเรื่องเรียนหนังสือของลูกสาว สำหรับตัวเองนั้นไม่ได้ต้องการอะไร แค่อยากขอให้มาดูแลลูกสาว และส่งเสียให้ลูกได้เรียนหนังสือเท่านั้นก็พอใจแล้ว แต่กลัวจะเหมือนเดิม ส่งเงินมาให้ไม่กี่เดือนก็เงียบหาย”
ด้านน้องแหม่มบอกว่า “ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอหน้าพ่อเลย อยากเจอหน้าพ่อมาก ส่วนเรื่องการเรียนอยากเรียนสาขานิเทศศาสตร์ เพราะอยากถ่ายรูป อยากเป็นช่างภาพ”
สานสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ไม่มีวันจางหาย ถึงแม้น้องแหม่ม และคุณพ่อจะอยู่ไกลกัน อีกทั้งยังไม่เคยเจอกันร่วม 16 ปี แต่ก็เชื่อแน่ว่า สัมพันธภาพระหว่างพ่อและลูก จะช่วยทำให้น้องแหม่ม และคุณพ่อมีความสุขด้วยกันอีกครั้งได้ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก ข่าวสดออนไลน์
Leave a Reply