เขาพิการ!!! ติดหนี้ เมียทิ้ง ฮึดขายกาแฟข้างทาง แต่ “สู้เพื่อปลดหนี้ 3 แสน”… ทำได้ไง
ที่ย่านพระราม 9 ทันทีที่รถจอดติดไฟแดงบริเวณแยกผังเมือง จะเห็นชายขาพิการแต่ใจสู้กำลังไถตัวบนสเก็ตบอร์ดเก่าๆ เล็กๆ แทบจะไม่พอนั่ง อยู่บนเกาะกลางถนน ค่อยๆ ไถตัวไปตรงประตูคนขับรถที่จอดติดไฟแดงอยู่ ชูซองกาแฟชงสำเร็จ พร้อมฉีกยิ้มกว้างให้คนขับ
ชายคนนี้ชื่อสุทัศน์ วงศ์ปั่น เขาพิการเพราะความโมโหของพ่อจึงจับเอาหัวลูกชายไปโขกกับกระดานที่อยู่ใกล้มือ ความรุนแรงของแรงกระแทกส่งผลกระทบกระเทือนไปยังสมอง ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนาน 4-5 เดือน และเขาก็ไม่สามารถเดินได้นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แต่ตัวเขาเองก็ไม่เคยโทษพ่อเลย
“ให้เงินผมแล้ว เอากาแฟไปด้วย..ผมไม่อยากเป็นขอทาน”
คุณสุทัศน์เล่าว่า เขามาขายกาแฟทุกเช้าวันจันทร์-ศุกร์ เริ่มขายประมาณ 8 โมงเช้า ทั้งหมด 60 ซอง ขายจนกว่าของจะหมด บางวันหมดเร็วบ่ายๆ ก็ได้กลับไปพักผ่อนที่บ้าน หรืออย่างบางวันกว่าจะหมดก็มืดค่ำ
“ผมรู้นะว่าบางคนเขาไม่ได้อยากซื้อกาแฟผมหรอก ส่วนมากคนจะให้เงินช่วยเหลือ ทำบุญมากกว่าซื้อกาแฟอีก แต่ผมอยากจะบอกว่า ให้เงินผมแล้ว ช่วยเอากาแฟผมไปด้วย บางคนให้เงินแล้วไม่เอากาแฟผมก็พยายามจะยัดเยียดให้เขาไป เพราะผมไม่อยากเป็นขอทาน”
“ทุกเย็นวันศุกร์หลังจากขายของหมดพี่สุทัศน์จะขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านที่ จ.ชัยภูมิ และออกจากชัยภูมิเย็นวันอาทิตย์มาถึงกรุงเทพฯ เช้าวันจันทร์พอดี ที่เป็นแบบนี้ทุกสัปดาห์ เพราะว่า เขาไม่อยากอยู่กรุงเทพฯ ประสบการณ์เลวร้ายที่เขาเคยเจอทั้งการแก่งแย่ง ข่มขู่ กดดัน ทำให้เขาเลือกที่จะกลับชัยภูมิบ้านเกิดเสียดีกว่า
พี่สุทัศน์ เล่าต่อว่า ตอนนี้โสดสนิท ไม่มีเมีย ไม่มีลูก จุดมุ่งหมายในชีวิต คือ การหาใครสักคนมาดูแลคนไม่ปกติแบบเขา ฝันที่จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ฉะนั้น ในทุกๆ วันเขาจะออกจากบ้านไปทำมาหากินสร้างฐานะเก็บเงินเพื่ออนาคต ซื้อรถให้เมียขับเวลาไปไหนมาไหนด้วยกัน คอยดูแลซึ่งกันและกัน แค่นี้ก็เพียงพอแล้วในชีวิตของเขา
เมื่อก่อน พี่สุทัศน์เคยมีภรรยา แต่ถูกทิ้งไปอยู่กับชายคนอื่นไม่เจ็บใจเท่ากับการหอบเอาเงิน รถ ทรัพย์สินที่เขาหามาจากน้ำพักน้ำแรงตีจากเขาไป พี่สุทัศน์ เสียใจพักใหญ่ ก็เปิดโอกาสให้ความรักอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป็นสาวรุ่นน้อง ก็ถูกบอกเลิกอีก ชีวิตเขาล้มเพราะความรักซ้ำๆ ถึง 3 ครั้ง
“ภรรยาคนนี้เขาไม่ได้เอาทรัพย์สินอะไรไป ส่วนรถกระบะที่กำลังผ่อนอยู่ก็ไม่มีคนขับแล้ว เพราะผมตั้งใจซื้อให้เขาขับ ซึ่งผมเองก็ขับไม่ได้ต้องเอาไปดัดแปลงก่อน จะขายก็ไม่อยากขายเพราะเอาไว้ให้แม่ เป็นสมบัติชิ้นหนึ่ง ทุกวันนี้ผมเลยมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะชดใช้หนี้สินกว่า 3 แสนบาท ทั้งรถกระบะ และรถมอเตอร์ไซค์ที่ซื้อมาขี่ไปทำมาหากินทุกวัน”
“หลังจากที่ผมสิ้นหวังในเรื่องความรัก ก็กลายเป็นกลัวความรักไปเลย เพราะหากผมรักใครขึ้นมาอีก ผมก็จะทุ่มเทเพื่อเขาอีก จากนี้ไปผมตั้งใจไว้ว่า จะทำงานชดใช้หนี้สินให้หมด แล้วผมก็คงหยุดพักกลับไปอยู่บ้านที่ชัยภูมิ ใช้เงินจากเบี้ยคนพิการเดือนละ 800 บาทก็พออยู่พอกิน”
“ทุกวันนี้ผมเหนื่อยบ้าง ท้อบ้าง แต่ก็ไม่ถอย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันไม่เกี่ยวกับโชคชะตาหรอก เป็นการกระทำของตัวเราเองทั้งนั้น คนเราเลือกทางเดินของตัวเองได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกทางไหน ชีวิตผม ผมสร้างหนี้มันขึ้นมา แต่ผมจะหนีมันไปไม่ได้หรอก มันจะเป็นมลทินติดตัวผมไปตลอดชีวิตนะ เราสู้ให้สุดฤทธิ์ไปเลยดีกว่า สู้จนกว่าจะไม่มีแรงสู้”
พี่สุทัศน์ยังมีแรงสู้ชีวิตขนาดนี้ เราเป็นคนปกติ ไม่พิกลพิการ จะท้อชีวิตได้อย่างไร ถูกต้องมั้ยครับ
ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก ไทยรัฐออนไลน์
Leave a Reply