ย้ายอีกแล้ว!!! “หมอชิต 2” ย้ายทำไม ไปไหน เพราะอะไร…???

ย้ายอีกแล้ว!!! “หมอชิต 2”  ย้ายทำไม ไปไหน เพราะอะไร…???

หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าที่ตั้งของ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ “บีทีเอส” รวมทั้งศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าบีทีเอส และบริเวณลานจอดรถ เคยเป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ หรือหมอชิต หมอชิต 1 หรือ หมอชิตเก่า

ในขณะที่อีกหลายคนจำได้ดีว่า เมื่อ 10 กว่าปี  บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. ต้องย้าย สถานีขนส่งหมอชิต จากถนนพหลโยธิน ฝั่งตรงข้ามสวนจตุจักร ไปตั้งสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร) แห่งใหม่ หรือ “หมอชิต 2” บนถนนกำแพงเพชร 2 เพื่อหลีกทางให้รถไฟฟ้าบีทีเอสรถไฟฟ้าสายแรกของไทย

แต่ตอนนี้หมอชิต 2 จะย้ายกลับไปอยู่ที่ หมอชิต 1 อีกครั้ง โดยหลายคนจับตามองว่า จะย้ายไปย้ายมาให้สิ้นเปลืองทำไม???

นายพิชิต อัคราทิตย์ รมช.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า “หมอชิต 2 จะต้องกลับบ้านเก่า โดยพื้นที่หมอชิต 1 ที่ บขส.จะย้ายกลับไปนั้นจะใช้พื้นที่ด้านบนของอาคารศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าบีทีเอสโดยจะก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมขึ้นไปอีกหลายชั้นรองรับการให้บริการประชาชนได้สะดวกขึ้น ขณะเดียวกันจะนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการในพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารด้วย คล้ายๆ สถานีขนส่งในต่างประเทศ เช่น สถานีโตเกียวของญี่ปุ่น โดยจะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนที่สะดวกรวดเร็วและทันสมัย

ขั้นตอนต่อไป สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะทำหนังสือแจ้งมติที่ประชุมแก่ บขส. และกรมธนารักษ์โดยวางเป้าหมายย้าย “หมอชิต 2” เข้าไปได้ประมาณปี 66 หลังบีเคทีก่อสร้างโครงการเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนบริเวณนี้แล้วเสร็จพร้อมบริหารจัดการเชื่อมกับการเดินทางกับสถานีกลางบางซื่อด้วย

รวมแล้วจะมีพื้นที่ 35 ไร่ สัมปทาน 30 ปีวงเงินลงทุน 11,573 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 61 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปีแล้วเสร็จ ทั้งนี้การพัฒนาพื้นที่ย่านสถานีกลางบางซื่อของ รฟท. แบ่งเป็น แปลงเอ 35 ไร่ แปลงบี 78 ไร่ แปลงซี 105 ไร่ แปลงดี 87.5 ไร่ เชื่อมโยงการเดินทางของขนส่งสาธารณะภายในพื้นที่และนอกพื้นที่ ภายในสถานีกลางบางซื่อจะมีพื้นที่จอดรถแท็กซี่ 2,335 คัน รถยนต์ 1,600 คัน รถ บขส. 45 คัน และพื้นที่รถเมล์ ขสมก. 9 ไร่

ท่ามกลางความไม่เห็นด้วย และมองว่าภาครัฐมีนโยบายไม่ชัดเจน ไม่วางแผนระยะยาวเผื่ออนาคตต้องย้ายไปย้ายมา น่ารำคาญและวุ่นวาย!!

แม้ไม่รู้ว่าในระยะยาวผลจะออกมาดีดังใจหรือไม่ ก็คงต้องตามดูกันต่อไป แต่โปรดอย่าลืมว่า ประเทศไทยไม่ใช่ของใคร แต่เป็นของคนไทยทุกคน

ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก เดลินิวส์ออนไลน์