รู้มั้ย??? เบื้องหลังทรงผมนี้ จีนนองเลือด เสียชีวิต หลายแสนคน!!!

รู้มั้ย??? เบื้องหลังทรงผมนี้ จีนนองเลือด เสียชีวิต หลายแสนคน!!! 

แมนจู

เราๆ ท่านๆ มักคุ้นตากับภาพของคนจีนสมัยโบราณที่มักทำผมด้วยการโกนศีรษะส่วนหน้า บางครั้งครึ่งศีรษะ บางครั้งเหลือแค่หย่อมผมท้ายกระหม่อม แล้วถักเปียเป็นสาย บางกลุ่มโกนศีรษะหน้าแล้วเหลือหย่อมผมที่หน้าผาก หรือที่ข้างกระหม่อมเป็นแผงเล็กๆ แล้วไว้เปียด้านหลัง แล้วถักเปียไว้ด้านหลัง

ทรงนี้เป็นลักษณะร่วมกันของพวกชนเผ่าเร่ร่อนในเอเชีย ที่ทางประเทศจีนเรียกว่า “คนเถื่อนนอกด่าน” อาทิเช่น พวกซยฺงหนู และพวกตงหู ซึ่งเป็นชนเผ่านอกด่าน อาศัยในแถบภาคเหนือและอีสานของจีนมาแต่โบราณอย่างน้อยก็ก่อนคริสต์ศักราชราว 700 ปี อนุชนรุ่นหลังพวกตงหูทุกกลุ่มมักไว้ผมทรงนี้ เช่น ชี่ตาน มองโกล ลักษณะพิเศษร่วมกันคือ

สาเหตุที่ไว้ทรงนี้เพราะว่า เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิตในท้องทุ่ง ในการควบม้า ยิงธนู ผมเผ้าจะได้ไม้บังหน้าเวลาลมโกรกหน้านั่นเอง

แมนจู_1397192478-5-o

แต่ถึงอย่างนั้น เกร็ดประวัติศาสตร์ก็เผยว่า : พวกแมนจู ที่ตั้งราชวงศ์ชิง สืบทอดทรงผมแบบนี้มาจากบรรพชนเผ่ารู่เจิน (หรือหนี่เจิน) ซึ่งตั้งราชวงศ์จิน (กิมก๊ก) สืบต่อมาจากบรรพชนเผ่ามั่วเหอ ซึ่งก็ไว้ทรงนี้มาแต่ดึกดำบรรพ์ เพราะอยู่ร่วมสมัยกับพวกตงหู

ไม่เฉพาะแต่พวกแมนจูเท่านั้นที่บังคับคนฮั่นให้โกนหัวไว้เปีย แต่บรรพชนของพวกแมนจู หรือชาวรู่เจินก็เคยทำมาแล้วกับชาวฮั่นสมัยราชวงศ์ซ่ง ตอนที่พวกรู่เจินแห่งกิมก๊กยึดภาคเหนือของจีนไว้ได้ ก็สั่งให้ชาวฮั่นไว้เปียแต่งกายแบบคนนอกด่านในปี 1126 แต่คงไม่ได้ผล เพราะมีการย้ำคำสั่งอีกครั้งในปี 1129 แต่แล้วก็คงไม่ได้ผลอีก เพราะในรัชสมัยขององค์ไห่หลิงหวางทรงผ่อนปรนด้วยการอนุญาตให้คนฮั่นแต่งแบบฮั่นได้

และสาเหตุที่ต้องบังคับชาวฮั่นให้ไว้ทรงผมนี้เหมือนชาวแมนจูก็เพราะว่าต้องการสลายอัตลักษณ์เพื่อผลทางรัฐศาสตร์ เนื่องจากผู้ปกครองมีจำนวนน้อยกว่าผู้ถูกปกครองมาก ทั้งยังมีวัฒนธรรมที่เหนือกว่า จึงต้องต้องใช้วิธีข่มเช่นนี้ แต่จากประวัติศาสตร์สมัยกิมก๊กจะเห็นว่า ไม่ได้ผลเลย

แมนจู_10527828_686260164762274_6606591393481150713_n

เกร็ดประวัติศาสตร์ยังเผยอีกว่า : ในสมัยพระเจ้าจินซื่อจง ที่การยกเลิกนโยบายไว้เปียทำให้วัฒธรรมฮั่นไม่ถูกกดทับ จึงกลืนกินวัฒนธรรมที่ด้อยกว่าอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกรู่เจินลืมภาษาพูดกับวัฒนธรรมตัวเอง แม้แต่ราชองครักษ์ชาวรู่เจินในวังหลวงก็พูดภาษาตัวเองไม่ได้ คราวนี้พระเจ้าจินซื่อจงจึงต้องมีโองการสั่งให้ชาวรู่เจินต้องพูดภาษาแม่ของตัวเองเท่านั้น แล้วยังพยายามยับยั้งวัฒนธรรมฮั่นอย่างสุดกำลังถึงกับมีการประดิษฐ์อักขรภาษารู่เจินมาแทนอักษรฮั่น

อีก 500 ปีต่อมา อนุชนของพวกรู่เจิน คือหม่านจู๋ (แมนจู) ยึดภาคกลางได้อีกครั้ง มิหนำซ้ำคราวนี้ได้ครองทั้งแผ่นดินใหญ่ จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการกลืนกินข่มวัฒนธรรมฮั่นอย่างเข้มงวด เพราะมีประสบการณ์จากยุคก่อนมาแล้ว หลังพิชิตจงหยวนแล้ว สำเร็จราชการแผ่นดินตัวเอ่อร์กุ่นมีคำสั่งให้ชาวฮั่นโกนผมไว้เปียทั้งหมด หากไม่ไว้มีแต่ตายสถานเดียว จนมีคำกล่าวว่า

“ไว้ผมไม่ไว้หัว ไว้หัวไม่ไว้ผม ” หมายความว่า หากคิดรักษาหัวให้โกนผมไว้เปีย หากไม่คิดไว้เปียก็เตรียมถูกบั่นศีรษะได้เลย ซึ่งครั้งนั้นมีคนขัดคำสั่งและถูกฆ่าตายหลายแสนคนด้วยกัน

เพิ่งรู้ที่มาก็วันนี้แหละครับ…

ขอขอบคุณข้อมูลจาก tsood