Category: อร่อยเกินห้ามใจ!
-
มาแรงมาก… ร้านอาหารนี้ ไม่ต้องสวมเสื้อผ้า!!! คนเปลือยเข้าจนเต็มร้านทุกวัน… จนต้องโทรจอง!
มาแรงมาก… ร้านอาหารนี้ ไม่ต้องสวมเสื้อผ้า!!! คนเปลือยเข้าจนเต็มร้านทุกวัน… จนต้องโทรจอง! O’Naturel ร้านอาหารนี้ดังมากในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทั้งที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง นอกจากอาหารถูกปากแล้ว สิ่งสำคัญที่เด่นซะยิ่งกว่าอาหารคือ ที่นี่เป็น nude restuarant แห่งแรกในฝรั่งเศส ทางร้านจะติดป้ายประกาศกฎเหล็กที่ลูกค้าทุกคนต้องปฏิบัติตาม ตั้งแต่ทางเข้าร้านว่า ลูกค้าทุกคนจะต้องถอดเสื้อผ้าทุกชิ้น!!! ย้ำว่าทุกชิ้น!!! ก่อนจึงจะเข้าไปนั่งทานอาหารในร้านได้ ที่ร้านจะมีห้องล็อคเกอร์ให้ลูกค้าเก็บเสื้อผ้าสัมภาระ อีกกฎเหล็กคือห้ามนำมือถือและกล้องถ่ายรูปเข้าไป รวมทั้งห้ามแสดงกิริยาหรือพฤติกรรมในเชิงอนาจาร ห้ามล่วงเกินหรือล่วงละเมิดทางเพศด้วย หลายคนสงสัยว่า พนักงานต้องเปลือยด้วยรึเปล่า คำตอบคือไม่ครับ พนักงานในร้านอาหารทั้งบริกรและคนที่ทำงานในครัว ทุกคนต้องสวมเสื้อผ้า ร้านนี้มี 20 โต๊ะ เมนูสุดหรูทั้งตับห่านหรือฟัวกราส์ กุ้งล็อบสเตอร์ ฯลฯ ในราคาเริ่มต้นที่จานละ 30 ยูโรหรือประมาณ 1,100 บาท และต้องจองที่นั่งล่วงหน้าก่อนเท่านั้น Yves Leclerc ประธานสหพันธ์คนเปลือยกายแห่งฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในแขกกลุ่มแรกที่ได้รับเชิญไปสัมผัสร้านนี้เล่าว่า “รู้สึกเหลือเชื่อที่ได้เปลือยกายทานอาหารใจกลางกรุงปารีส” เขาเชื่อว่าจะมีร้านนี้ทำนองนี้เพิ่มขึ้นอีก เพราะกระแสเปลือยกายกำลังได้รับความนิยมในฝรั่งเศส ตามตัวเลขของทางสหพันธ์ มีคนเข้าร่วมกิจกรรมเปลือยกายในฝรั่งเศสปีละกว่า 3.5 ล้านคนเลยทีเดียว ถ้าไปกินข้าวกับลูก หรือพ่อแม่ เกรงว่าจะไม่สะดวก…
-
“หมูปิ้งเฮียอ้วนสีลม” ขายวันละ 4 ชม. 2,000 ไม้ รายได้เฉียดหลักล้าน.. ต่อเดือน!!!! ขายแฟรนไชส์แค่หลักหมื่นด้วย!!!
“หมูปิ้งเฮียอ้วนสีลม” ขายวันละ 4 ชม. 2,000 ไม้ รายได้เฉียดหลักล้าน.. ต่อเดือน!!!! ขายแฟรนไชส์แค่หลักหมื่นด้วย!!! ลือกันว่า ร้าน “หมูปิ้งเฮียอ้วน” เป็นหมูปิ้งที่ขายดีที่สุดในประเทศไทย ขายคืนละแค่ 4 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 5 ทุ่ม ไปจนถึง ตี 3 ขายหมูปิ้งได้ 2,000 ไม้ ตลอดเวลา 30 ปี เฮียอ้วนไม่เคยคิดขายแฟรนไชส์ จนวันนี้ เขาตัดสินใจที่จะยอมเปิดเผยเทคนิคการทำหมูปิ้งแล้ว “หมูปิ้งเฮียอ้วน” เป็นรถเข็นหมูปิ้งยอดนิยม มานานกว่า 30 ปี อยู่ตรงแยกสีลม คอนแวนต์ หน้า 7-11 ลูกค้าหมูปิ้งเฮียอ้วน เดิมจะเป็นนักท่องราตรี และคนทำงานกลางคืน ซึ่งจะมีทั้งคนไทย และต่างชาติ และด้วยรสชาติที่ถูกปาก ทำให้มีสื่อต่างชาติมาถ่ายทำรายการ มีการนำเสนอเรื่องราวของหมูปิ้งเฮียอ้วน จนวันนี้ ไม่ใช่เฉพาะคนไทยที่มารอซื้อ แต่ยังมีนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนจีน เมื่อมาเมืองไทยต้องขอมาชิมหมูปิ้งร้านนี้ จนทุกวันนี้ ขายแค่…
-
“อภิรักษ์ โกษะโยธิน” อดีตผู้ว่าฯ กทม. หันปลูกข้าวโพด ส่ง 7-11 ขายได้ 150 ล้าน!!!!
“อภิรักษ์ โกษะโยธิน” อดีตผู้ว่าฯ กทม. หันปลูกข้าวโพด ส่ง 7-11 ขายได้ 150 ล้าน!!!! ขาประจำ 7-11 ต่างเคยเห็นข้าวโพดฝักอ่อน น่าทาน ราคาเป็นมิตรที่อยู่ใน 7-11 และหลายคนก็คงเคยทานด้วยความเอร็ดอร่อยกันมาบ้างแล้ว แต่น้อยคนจะรู้ว่า คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. นั้น เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) เจ้าของข้าวโพดแสนอร่อยเหล่านั้นเอง คุณอภิรักษ์เล่าว่า “เรียนจบทางด้านฟู้ดไซน์ มาก่อน ได้ทำงานเกี่ยวกับด้านอาหาร เครื่องดื่มมาตลอด 20 ปี ตั้งแต่สมัยที่เป๊ปซี่ เลย์ ส่งเสริมให้ปลูกมันฝรั่ง พอมีโอกาสที่จะได้กลับมาทำธุรกิจของตนเอง ก็เลยมองธุรกิจเกี่ยวข้องอาหารและครื่องดื่มเป็นหลัก” “พอดีผมมีรุ่นพี่ที่เรียนด้านฟู้ดไซน์มาเหมือนกัน เขามีโรงงานผลิต และส่งออก สินค้าเกษตร จำพวก พืช ผัก ผลไม้ ก็เลยได้คุยกัน จึงได้ก่อตั้งบริษัท วี ฟู้ดส์ (ประเทศไทย) ขึ้นมา จากนั้นก็ศึกษาดู…
-
ได้เดือนละ 1 ล้าน!!! แค่ “ขายขนมครก”
ได้เดือนละ 1 ล้าน!!! แค่ “ขายขนมครก” จะไม่ให้อึ้ง! ได้ยังไงไหว ก็ใครจะไปคิดว่า แค่ขายขนมครก ธรรมดาๆ จะทำให้เขาและครอบครัวมีรายได้ตกเดือนละ 1 ล้านบาทเลยทีเดียว เจ้าของธุรกิจนี้คือ คุณณัฐพล ธำรงลีฬหา อายุ 29 ปี เอาร้านขายขนมครกของแม่ที่เปิดมานานกว่า 30 ปีมาต่อยอดใหม่ คุณณัฐ เล่าว่า ตนเลือกที่จะสานต่อธุรกิจร้านขนมครกของคุณแม่เพราะเชื่อมั่นว่ามันสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ แต่เดิม ขนมครกแม่พลอย มีเพียงขนมครกแป้งหอมมะลิหน้าตาธรรมดาๆ ไม่แตกต่างจากร้านอื่น คุณณัฐ คิดค้นสูตรอยู่หลายเดือนจนได้เป็นสูตรแป้งชาโคล แป้งข้าวไรซ์เบอร์รี่ แป้งชาไทย แป้งไมโล แป้งใบเตย แป้งอัญชัน และแป้งไข่ มาเพิ่มสีสัน รวมทั้งรสชาติให้กับขนมครก แล้วยังนำท็อปปิ้งมาโรยหน้าเช่น หน้ากุ้ง ถั่วเหลือง มะพร้าวน้ำหอม ข้าวโพด เผือก ต้นหอม มันม่วง และพิเศษสุดๆ คือท็อปปิ้งทุเรียนที่มีเฉพาะฤดูกาลเท่านั้น แถมยังขายด้วยราคาไม่แพงอีกด้วย ผ่านมา 7 เดือนตั้งแต่ปรับปรุงร้าน ปัจจุบัน ขนมครกแม่พลอย…
-
ร้านอาหารนี้… ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบเข้า แต่ลูกค้ากลับเพิ่มขึ้น! รวยขึ้น! ทำได้ไง???
ร้านอาหารนี้… ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบเข้า แต่ลูกค้ากลับเพิ่มขึ้น! รวยขึ้น! ทำได้ไง??? ร้านอาหารที่ว่านี้มีชื่อว่า Caruso อยู่ในเมือง Mooresville ทางเหนือของรัฐแคโรไลนา Yoshi Nunez ผู้จัดการร้านเล่าว่า “ก่อนหน้านี้ทางร้านอนุญาตให้เด็กเข้าร้านได้ แล้วก็เกิดปัญหาอยู่ตลอด อย่างครอบครัวหนึ่งพาลูกมาทานข้าว แล้วเด็กคนนั้นก็เปิดไอแพดเสียงดังมาก และครอบครัวก็ไม่สามารถหยุดพฤติกรรมของลูกได้ จนสุดท้ายต้องเชิญครอบครัวนั้นออกจากร้าน เพราะเป็นการรบกวนลูกค้าท่านอื่นอย่างมาก” ทางร้านจึงตั้งกฎใหม่ โดยห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ เข้าร้าน เริ่มแรกมีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ต่อมาไม่นานพบว่า ร้านประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิดซะอีก มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ได้กำไรมากขึ้น และยังได้รับคำชมอีกเพียบ จากเดิมที่มีลูกค้าประมาณ 50 คนต่อวัน แต่หลังจากห้ามเด็กเข้าร้าน ทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 80 คนต่อวันเลยทีเดียว ปัจจุบัน Caruso ไม่ใช่ร้านเดียวที่มีนโยบายจัดการกับเด็ก ใน Alexandria รัฐเวอร์จิเนีย ก็มีร้านซูชิที่เปิดให้บริการสำหรับลูกค้าที่มีอายุ 18 ขึ้นไปเท่านั้นด้วย ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป อีกหน่อยร้านอาหารต่างๆ อาจออกกฎนี้กันมากขึ้น จนพ่อแม่ต้องกินข้าวกับลูกแค่ที่บ้าน ขอเพียงพ่อแม่ดูแลลูกๆ ของตัวเองอย่างดี ไม่รบกวนคนอื่น…
-
“กลืน”เมล็ดกระท้อน ทำลำไส้แตก-พิการ-ตายได้ จริงหรือ???
“กลืน”เมล็ดกระท้อน ทำลำไส้แตก-พิการ-ตายได้ จริงหรือ??? การกลืนเมล็ดกระท้อนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ อีกต่อไปแล้ว โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ผลวิจัยพบคนร้อยละ 41 กลืนเมล็ดทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ รศ.นพ.อนันต์ มโนมัยพิบูลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช (หรือ วชิรพยาบาลเดิม) เปิดเผยว่า “ที่ผ่านมาตนและคณะวิจัย ได้รับสนุนทุนวิจัยจากมูลนิธิวชิรพยาบาลในการศึกษาถึงโรคแทรกซ้อนต่อระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากการกลืนเมล็ดกระท้อน โดยการเก็บข้อมูลจากศัลยแพทย์ในทุกภูมิภาคของประเทศจำนวน 1,601 คน และจากประชากรอายุมากกว่า 15 ปีขึ้นไปที่มีการสุ่มคัดเลือกจำนวน 2,880 คน โดยผลการวิจัยพบว่า มีประชากรที่กลืนเมล็ดกระท้อนเท่ากับร้อยละ 41 และพบว่าศัลยแพทย์ทั่วไป ร้อยละ 29 เคยให้การรักษาผู้ป่วยที่เกิดโรคแทรกซ้อนต่อระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากเมล็ดกระท้อน ในระหว่างปี 2543-2545 รวมจำนวน 123 ราย “ในจำนวนผู้ป่วยทั้งหมดพบว่าเป็นโรคลำไส้ใหญ่ส่วนปลายแตกทะลุถึงร้อยละ 78.1 ถือเป็นภาวะโรคแทรกซ้อนที่พบได้มากที่สุดจากการกลืนเมล็ดกระท้อน จากบรรดาโรคแทรกซ้อนอื่นๆที่พบอีก 6 โรค เนื่องจากเมล็ดกระท้อนมีความแหลมคม เมื่อผ่านไปจนถึงช่วงลำไส้แล้วน้ำย่อยจะทำให้ปุยหายไปและเหลือเมล็ดที่มีความคมและเป็นอันตรายต่อลำไส้อย่างมาก” ยังมีโรคอื่นๆ ที่พบคือ 1.โรคหลอดอาหารอุดตัน คือเมล็ดกระท้อนไปอุดตันที่หลอดอาหารทำให้กลืนลำบาก มีอาการเจ็บในคอ หรือในทรวงอกร่วมด้วย 2.โรคกระเพาะอาหารส่วนปลายอุดตัน คือการอุดตันบริเวณส่วนปลายของกระเพาะอาหาร ที่เกิดจากเมล็ดกระท้อน ทำให้มีอาการแน่นท้อง…
-
แทบอ้วก!!… สั่งยำคอหมูย่างแต่ได้หนอนมาด้วย “เชฟบอกเป็นเอ็นหมู”
แทบอ้วก!!… สั่งยำคอหมูย่างแต่ได้หนอนมาด้วย “เชฟบอกเป็นเอ็นหมู” สาวรายหนึ่ง โพสต์ว่าสั่งยำคอหมูย่างแต่กลับได้หนอนเป็นของแถม ถามเชฟบอกเป็นเอ็นหมู สุดท้ายโชว์คลิปเชฟยอมรับแต่ไม่ขอโทษ เรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ไปรับประทานอาหารในร้านหรูแห่งหนึ่งและได้สั่งยำคอหมูย่างมา แต่ไม่ได้กินเพราะเจอเจ้าหนอนตัวขาวใส กำลังคลานอยู่บนเนื้อหมู เมื่อถามเชฟของทางร้านกลับได้รับคำตอบว่า คือเอ็นหมู สาวระบุว่า “เป็นร้านที่จำได้ว่ามาครั้งที่ 3 พีคมาก เจอหนอน หนึ่งในเมนูที่เราสั่งคือ ยำคอหมูย่าง เรียกพนักงานมาดู พนักงานยกไปแล้วกลับมาบอกว่า เชฟเช็คแล้วไม่ใช่หนอน แต่เป็นเอ็นที่ติดมากับหมู เสียใจนะ สมัยนี้ทำอะไรต้องมีหลักฐาน ไม่งั้นคุณก็จะมาแอ๊บกับเราแบบนี้ ขอบคุณพี่สาวที่หัวไวถ่ายคลิปไว้ทัน เอาคลิปให้ดูเงิบเลย ได้แต่พยักหน้า ขอโทษซักคำก็ไม่มี ขาหมูที่สั่งไว้ จำเป็นต้องยกเลิกไปเพราะไม่มั่นใจว่า มันจะมาจากส่วนเดียวกันรึป่าว เข็ดแล้วค่ะ อ๊วกพุ่ง” ชมคลิปได้ที่นี่ เชื่อแน่ว่า ถ้าเชฟขอโทษ และรับผิดชอบ คลิปนี้คงไม่ได้ทำให้ร้านถึงกับถูกตำหนิเหมือนอย่างตอนนี้ นอกจากความสะอาดที่ควรใส่ใจ คือ ความรับผิดชอบที่ลูกค้าอยากเห็นจากเชฟอีกด้วย ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก Oillie ขอขอบคุณคลิปวิดีโอจาก เรื่องเล่าเช้านี้ บีอีซี-เทโร
-
เลือกทุเรียนยังไง… “ไม่โดนแม่ค้าหลอก!!!”
เลือกทุเรียนยังไง… “ไม่โดนแม่ค้าหลอก!!!” ไปดูเทคนิคการเลือกทุเรียนแบบง่ายๆ กันเลย 1 ทิ้งลูกกลม เลือกลูกรี เชื่อสิว่าลูกกลม ไม่อร่อยเท่าลูกรีๆ แน่นอน 2 ยิ่งเบา ยิ่งอร่อย นอกจากทุเรียนจะต้องรีๆ แล้ว ต้องเลือกลูกเบาๆ ด้วยนะ เพราะถ้าเลือกลูกหนักๆ แสดงว่าทุเรียนยังดิบ ไม่สุกน่ะสิ แน่นอนว่า ยิ่งเบายิ่งถูกด้วยนะจ๊ะ 3 เคาะแล้วเสียงดับ บุ๊ๆ นี่สิอร่อยชัวร์! เคยเห็นแม่ค้าเอาไม้เคาะทุเรียนมั้ย เคยสงสัยมั้ยว่า เสียงมันต่างกันยังไง ง่ายๆ คือ ถ้าเสียงดังปุ๊ๆ แสดงว่ามันสุกแล้ว แต่ถ้าดังเป๊กๆ คือ แข็งเป๊ก ยังไม่สุกน่ะสิ ขอขอบคุณข้อมูลจาก bkk.today
-
“หม้อไฟทุเรียน” ขายดีมาก ราคาชามละหลายพันบาท!!! (มีคลิป)
“หม้อไฟทุเรียน” ขายดีมาก ราคาชามละหลายพันบาท!!! (มีคลิป) คู่หนุ่มสาวจากช่องยูทูป The Food Ranger ซึ่งเป็นรายการพาไปทานอาหารอร่อยจากหลายๆ แห่ง พวกเขาได้ไปเมืองกว่างโจวในมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เพื่อลิ้มลองรสชาติของหม้อไฟทุเรียนในร้านอาหารแห่งหนึ่ง เมื่อหม้อไฟมาถึงพวกเขาบอกว่า “กลิ่นหอมน่าทานมากๆ เราต้องลองกันแล้วล่ะ ” ในหม้อไฟนั้นมีทุเรียนกับไก่ต้มรวมกัน และยังมีเส้นอุด้งให้เพื่อใส่ลงไปในซุปด้วย ต้องยอมรับว่าเป็นเมนูที่แปลกจริงๆ พอทานคำแรกก็ต้องประหลาดเพราะว่า “อร่อยอย่างเหลือเชื่อ” ทุเรียนกับซุปไก่นั้นเข้ากันได้อย่างดี ทุเรียนในซุปมีเนื้อสัมผัสที่เป็นเนื้อครีมนุ่มละมุน คล้ายๆ กับเนย และมีความมันนิดๆ กลิ่นแรง แต่พวกเขาก็บอกว่ามันคือข้อดีของเมนูนี้เลยล่ะ ชมคลิปสุดเย้ายวนได้ที่นี่ ใครสนใจไปชิมกันได้ ราคาของหม้อไฟทุเรียนหม้อหนึ่งอยู่ที่ 303 หยวน หรือ หม้อละ 1,500 บาท แต่ถ้าหากสั่งทุเรียนมาเพิ่มอีก 3 พู ก็เพิ่มอีก 88 หยวน หรือประมาณ 400 บาท น่าจัดสักหม้อนึงเหมือนกันนะ ขอขอบคุณคลิปวิดีโอจาก The Food Ranger และขอขอบคุณข้อมูลจาก catdumb
-
“โค้ก” ต่างจาก “เป็ปซี่” ตรงไหน??? ชาวเน็ตมาเปิดเผย ซึ่งเราอาจไม่สังเกต!?
“โค้ก” ต่างจาก “เป็ปซี่” ตรงไหน??? ชาวเน็ตมาเปิดเผย ซึ่งเราอาจไม่สังเกต!? แฟนของเป็ปซี่ในต่างประเทศคนหนึ่งได้กล่าวในทวิตเตอร์ว่า “เป็ปซี่มีรสชาติที่ยอดเยี่ยมกว่าโค้กและคุณคงคิดผิดแล้วล่ะ ถ้าไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้“ ตามมาด้วยเสียงของแฟนพันธ์ุแท้ของเป็ปซี่อีกหลายเสียงที่ยืนยันว่า เป็ปซี่ดื่มแล้วสดชื่นกว่า ในขณะที่แฟนของโค้กก็กล่าวว่าโค้กเป็นเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่มีรสชาติคลาสสิกที่สุดเช่นกัน “Malcolm Gladwell” นักเขียนชื่อดัง ได้อธิบายถึงความแตกต่างระหว่างโค้กและเป็ปซี่ไว้ในหนังสือ “Blink: The Power of Thinking Without Thinking” ในปี 2005 ด้วยประโยคสั้นๆ ว่า “เป็ปซี่มีลักษณะเป็นกลิ่นและรสเปรี้ยวซึ่งแตกต่างจากโค้กที่มีกลิ่นวนิลาผสมอยู่“ ในขณะที่ชาวเน็ตต่างชาติบอกให้เราดูส่วนผสมของทั้งเป็ปซี่และโค้กให้ดี ปรากฎว่าเป็ปซี่มีกรดซิตริก(citric acid ) อยู่ด้วย ซึ่งกรดซิตริกนี้เป็นวัตถุเจือปนอาหารที่ใช้อย่างกว้างขวางในอาหารและเครื่องดื่ม ใช้ปรุงแต่งกลิ่นรสอาหารให้มีรสเปรี้ยวนั่นเอง ในขณะที่ส่วนผสมของโค้กก็เหมือนกับเป็ปซี่ทุกอย่าง ยกเว้นไม่มีกรดซิตริก (citric acid ) แต่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลแทน สาวกโค้ก หรือสาวกเป็ปซี่ ควรดื่มแต่พอดีนะจ๊ะ เพราะแน่นอนว่า สร้างโทษให้ร่างกายได้เหมือนกันถ้าดื่มในปริมาณที่มาก และต่อเนื่อง ขอขอบคุณข้อมูลจาก catdumb