Category: ย้อนรอยคดีสะเทือนขวัญ

คดีจริงที่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้… “คดีข่มขืน-ฆ่า ณ พรหมพิราม” ที่มีผู้ต้องหามากกว่า 30 คน!!! แทบทั้งหมู่บ้าน ข่มขืนผู้หญิงเพียงคนเดียว…. หลายคนอาจจะคุ้นหูกับภาพยนตร์เรื่อง “คืนบาปพรหมพิราม” กันมาแล้วบ้าง แต่น้อยคนนักในยุคนี้ที่จะตระหนักว่า คดีนี้คือคดีดังที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทยเมื่อประมาณเกือบ 30 ปีก่อน เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2520 แต่ก็ยังเป็นคดีที่คนรุ่นก่อนยังจำได้ดี คดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญนี้ ที่เกิดขึ้นในอำเภอพรหมพิราม จังหวัดพิษณุโลก เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2520 มีคดีสยองขวัญ คือผู้หญิงถูกรถไฟทับขาดหลายท่อนใน อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ตอนแรกข่าวนี้เป็นเพียงแค่ข่าวเล็กๆ ในเริ่มต้นตำรวจมองว่าเป็นคดีอุบัติเหตุ แล้วก็ปิดแฟ้มไป ไม่นานก็มีนักข่าวของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นไปขุดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะสภาพศพน่าสงสัยผิดปกติ จนในที่สุดข่าวนี้ก็ขยายต่อไปยังหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ที่มียอดขายมากที่สุดในสมัยนั้น ตำรวจก็เลยฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ เรียกว่าตำรวจใหญ่ของจังหวัดมากันทั้งหมด ประกอบไปด้วย (ยศในขณะนั้น) พ.ต.อ.สมชาย ไชยเวช ผู้กำกับการจังหวัดพิษณุโลก, พ.ต.ท.นิวาท ทองชิต, ร.ต.ท.สมจิตร ทวนต้นไทร, ร.ต.ต.เยี่ยม แสงหิรัญ พนักงานสอบสวนสภ.อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก สืบอย่างหนัก ท่ามกลางความไม่รวมมือของผู้ต้องหาในคราบชาวบ้าน จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ทำให้ตำรวจไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ คือเหล่าคนโฉด…

สรุปลำดับเหตุการณ์โดยละเอียด “เปรี้ยว” ชำแหละศพ “แอ๋ม” ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว “หั่นเสร็จ”!!!! นายวศิน นามพรหม อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาล จ.ขอนแก่น ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และร่วมกันปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ ในการก่อเหตุฆาตกรรม น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย หรือ น้องแอ๋ม พนักงานสาวคาราโอเกะ สถานบันเทิงชื่อดังของ จ.ขอนแก่น ก่อนฆ่าหั่นศพและนำไปฝังดินทิ้งไว้ ที่ บ.โนนสง่า อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น นายวศิน เล่าเหตุการณ์ว่า จุดที่ 1 ภายในห้องพักเลขที่ เอ4 รีสอร์ทชื่อดังแห่งหนึ่ง ภายในเขตเทศบาลนครขอนแก่น เป็นสถานทีที่ผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันหั่นศพน้องแอ๋ม ออกเป็น 2 ท่อน และบรรจุไว้ในถุงพลาสติกก่อนยัดใส่ถังดำและนำศพไปทิ้ง จุดที่ 2 คือ ร้านสะดวกซื้อ แห่งหนึ่งบริเวณติดกับโรเรียนเทศบาลบ้านโนนทัน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ต้องหาซื้อถุงพลาสติก จุดที่ 3 ที่ร้านโนนทันกันเอง ห่างจากจุดที่ 2 ประมาณ 500…

พ่อเลี้ยงเหี้ยม บอก “เกิดมาจากนรก” แถม “แม่เด็กเป็นคนช่วยกระทืบจนตาย”!! นักสืบโซเชียลปูดประเด็นคำพูดของ พ่อเลี้ยงทำร้ายน้องกัปตัน วัย 2 ขวบจนเสียชีวิต ทั้งยังเยาะเย้ยพ่อเด็ก ว่า “ลูกมึงไม่ใช่ลูกกู” เผยแม่เด็กก็เป็นคนช่วยทำร้ายลูกจนเสียชีวิต กรณี นายพิธธน เจริญกุล อายุ 22 ปี พ่อเลี้ยงโหดทำร้ายร่างกายน้องกัปตัน วัย 2 ขวบ ลูกเลี้ยงจนเสียชีวิต เพราะโมโหที่อุจจาระเลอะที่นอน ขณะที่แม่เด็กกลับไม่ติดใจเอาความ แถมยังช่วยประกันตัวออกไป ล่าสุดแหล่งข่าวที่คาดว่าเป็นญาติของน้องกัปตัน ได้มีการโพสต์ข้อความที่อ้างว่าเป็นคำพูดของนายพิธธน พ่อเลี้ยงใจโหดว่า ภรรยาซึ่งเป็นแแม่แท้ๆ ของน้องกัปตันเป็นคนช่วยทำร้ายจนเสียชีวิต นรกมีจริงแต่กูเกิดจากที่นั่นอยู่แล้ว กูจะไปเมื่อไรก็ได้อยู่แล้ว… แบบนี้ก็มีด้วย แต่ก่อนจะลงนรก เข้าคุกยาวๆๆ ไปก่อนดีมั้ย??? ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก เฟซบุ๊ก สุกัญญา รอดรัตน์, อยากดังเดี๋ยวจัดให้

เด็กหญิง 9 ขวบ… แจ้งความว่าถูก “เด็กชาย 13 ขวบ” ข่มขืน!!! หลายคนสงสัย เกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทย??? นับเป็นเรื่องสุดสลดใจกับทุกฝ่าย เมื่อแม่พาลูกสาว 9 ขวบแจ้งความ หลังถูกเด็กชายวัย 13 ข่มขืน แถมขู่หากบอกใครจะประจาน อีกทั้งยังข่มขืนมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง แถมข่มขู่ห้ามบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะประจานผ่านเฟซบุ๊ก และจะข่มขืนไปจนกว่าจะมีประจำเดือน!!! ที่ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หญิงสาวอายุ 30 ปี นำตัวลูกสาว วัย 9 ขวบ ซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ เข้าแจ้งความกับสภ.หาดใหญ่ ว่าลูกสาวถูกเด็กชายแทน (นามสมมติ) อายุ  13 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หาดใหญ่ ล่วงละเมิดทางเพศและทำอนาจาร ข่มขืนมาแล้วอย่างน้อย 3 ครั้ง และข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใคร ไม่เช่นนั้นจะถูกทำร้าย แต่ลูกสาวทนไม่ไหวจึงตัดสินใจนำไปเล่าให้ยายฟัง แม่ของเด็กหญิงให้การว่า ลูกสาวอาศัยอยู่กับยายเพียงลำพังสองคนในบ้านเช่าภายในซอย 34 ถนนเพชรเกษม ย่านหาดใหญ่ เนื่องจากตนไปมีสามีใหม่ที่ จ.ตรัง โดยลูกสาวเล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ด.ช.แทน ซึ่งรู้จักกันดีเพราะมีบ้านอยู่ในละแวกเดียวกัน ได้หลอกชวนให้ออกไปเล่นนอกบ้านในตอนกลางคืน แต่กลับพาไปปลุกปล้ำข่มขืนที่บ้านพักคนงานก่อสร้างใกล้บ้าน…

รวม 10 ข่าวบันเทิงสุดฉาววว ในปี 2559 โหดร้ายแค่ไหน ไปชมกัน!!! ประเด็นที่ 1 หมดยุค “สรยุทธ” เจ้าพ่อวงการข่าว “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” กับคดีบริษัท ไร่ส้ม ที่ต่อสู้มายาวนานเกือบ 10 ปี สุดท้ายศาลอาญาพิพากษาสั่งจำคุกสรยุทธเป็นเวลา 13 ปี 4 เดือน ไม่รอลงอาญา ไม่นานสรยุทธจึงออกมาประกาศขอยุติการทำหน้าที่พิธีกรข่าว และเงียบหายไปจากหน้าจอโทรทัศน์จนถึงปัจจุบัน ประเด็นที่ 2 “ดีเจเก่ง” กระบะเสยเก๋ง ถอยรถในตำนาน “ดีเจเก่ง ภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ” ถอยรถกระบะเสยรถคู่กรณีอย่างน่าหวาดเสียว พร้อมประโยคเด็ดที่ว่า “เจอคนแบบนี้ในสังคมแบบนี้ แย่มากครับ” ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับตาลปัตรจริงๆ เพราะมีคลิปเหตุการณ์นี้ออกมาขัดแย้งอย่างชัดเจน เป็นเหตุให้ต้นสังกัดสั่งยุติงานทุกอย่าง พร้อมทั้งฉีกสัญญาของดีเจเก่งจนหมด จนเจ้าตัวต้องหันไปพึ่งทางธรรม พอสึกออกมาก็มาช่วยงานที่วัดรับจ้างยกศพ ซึ่งเป็นรายได้เพียงอย่างเดียวให้พอประทังชีวิต ประเด็นที่ 3 “น็อต กราบรถกู” พิธีกรหนุ่ม “น็อต อัครณัฐ อริยฤทธิ์วิกุล” กับวลีเด็ด…

ความคืบหน้า… ชาวบ้านเชื่อว่า “ตำรวจจับแพะ” คดี “น้องแอปเปิ้ลถูกแทง 17 แผล” จนเสียชีวิต!! ทีมทนายอาสาช่วยเหลือครอบครัวแพะ หลังจากเกิดความไม่ชอบมาพากลในคดีของน้องแอปเปิ้ล พร้อมด้วยความคิดเห็นของชาวบ้านที่เชื่อว่า ชาวพม่าทั้ง 4 คนเป็น “แพะ” นั้น ได้แก่ โมซินอ่าว,จอโซวิน,เมาเซ้น และซอเล จำเลยถูกทำร้ายร่างกายให้รับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำความผิด แต่มีหลักฐานว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยทำงานอยู่ มีนายจ้างเป็นพยาน และมีภาพจากกล้อง CCTV ยืนยันด้วย แต่ภาพช่วงเวลาดังกล่าวหายไปหลังส่งให้ทางเจ้าหน้าที่เป็นหลักฐาน ตอนนี้คดีอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ ล่าสุดทีมทนายลงพื้นที่ไปเยี่ยมครอบครัวจำเลยในคดีน้องแอปเปิ้ล ครอบครัวลำบากมาก เพราะลูกชายถูกจับไปติดคุก นานกว่า 15 เดือนแล้ว ทำให้ครอบครัวขาดรายได้หลักไป แม่ของเมาเซ้น (คนที่ถือสมุดบัญชีธนาคาร) เพิ่งย้ายออกจากบ้านเช่า เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า จำเลยแต่ละคนมีน้องเล็กๆ ครอบครัวละประมาณ 3-4 คน เป็นเด็กเล็กอายุไล่เลี่ยกัน รวม 4 ครอบครัว มีเด็กเล็กทั้งชายหญิง ประมาณ 9 คน เด็กเริ่มโตเป็นสาวอีก 4 คน ตอนนี้ครอบครัวขาดรายได้เพราะลูกชายอยู่ในเรือนจำมา…

ตามติด “คดีน้องแอปเปิ้ล” สาวม.ปลาย “ถูกแทง 17 แผล” เสียชีวิต!!! แฟนข่าวหลายท่านจะทราบดีกว่า เพจ onenee.com เรามีสายข่าวพิเศษตามติดความคืบหน้าของคดีน้องแอปเปิ้ลมาตลอด เริ่มจากเหตุการณ์คืนวันที่ 28 กย.58 ที่คนร้ายใช้อาวุธมีดแทงนักเรียน อายุ 17 ปี จังหวัดระนอง เสียชีวิต ต่อมาทราบชื่อภายหลังว่า นางสาว อรวี สำเภาทอง หรือน้องแอปเปิ้ล เหตุเกิดที่ซอยสำนักสงฆ์สะพานปลา ข้างโรงเจพงไล้ ม.5 ต.บางริ้น อ.เมือง จังหวัดระนอง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมวัยรุ่นสัญชาติเมียนมา 4 คน ได้แก่ นายโมซินอ่าว นายจอโซวิน นายเมาเซ้น และนายซอเล มาเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้ ไม่นานผู้ต้องสงสัยก็ให้การรับสารภาพมูลเหตุจูงใจในการลงมือฆ่าเกิดจาก คนร้ายแซวผู้ตาย แล้วผู้ตายด่ากลับ ทำให้คนร้ายเกิดความไม่พอใจ ไปดักซุ่มอยู่ในซอยที่ผู้ตายกำลังจะเดินไปบ้านเพื่อนสนิท แล้วจึงลงมือสังหาร พบบาดแผลตามร่างกาย จำนวน 17 แผล เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ต่อมาผู้ต้องหากลับคำรับสารภาพอ้างว่าถูกทางเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกายให้รับสารภาพ ตำรวจจึงได้ยื่นสำนวนให้อัยการส่งฟ้อง ขณะที่คดีอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์อยู่นั้น ปรากฏว่ามีบุคคลอ้างตัวว่าเป็น…

“เณรคำ” หมายจะถูกยึดทรัพย์ 40 ล้าน ขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนจาก “อเมริกา”!!!  พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 3 ยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินของนายวิรพล สุขผล หรือหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก กับพวกซึ่งเป็นผู้คัดค้านรวม 8 คน ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน นำพยานเข้าสืบจำนวน 3 ปาก ประกอบด้วย พนักงานสอบสวนดีเอสไอ, พระที่เชี่ยวชาญในการสร้างพระพุทธรูป และประธานบริษัทดอกบัวคู่ ยคดีนี้ทางพนักงานอัยการได้ร้องขอให้ยึดทรัพย์ ที่เกิดจากการกระทำผิดหลายรายการรวมมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ทั้งนี้คดีเกิดขึ้นเนื่องจากหลวงปู่เณรคำ ถูกตั้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงประชาชน ฟอกเงิน และพรากผู้เยาว์ ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แจ้งดำเนินคดี ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับกฎหมายการฟอกเงิน คณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ส่งอัยการร้องขอต่อศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ประกอบด้วยที่ดิน บ้าน บัญชีเงินฝาก และรถยนต์ หลายสิบล้านบาท ที่ปปง.อ้างว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด นายกิตติ อธินันท์ ทนายผู้คัดค้านที่ 8 กล่าวว่า “ขณะนี้ตัวหลวงปู่เณรคำยังสู้คดีที่พนักงานอัยการต่างประเทศของประเทศไทย ร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนจะต้องสู้คดีอีกนานแค่ไหนนั้น ยังไม่สามารถกำหนดได้…

สะใจแทบทั้งประเทศ!!!  ศาลตัดสินประหารชีวิต “วิโรจน์” จับกดน้ำปล้นไอโฟนเสียชิวิต… ย้อนไปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา คดีสะเทือนขวัญกรณีคนร้ายได้ถีบรถจักรยานยนต์นางเกสร ชาปาน อายุ 31 ปี พร้อมใช้กำลังจับศีรษะเหยื่อกดน้ำจนเสียชีวิตก่อนจะปล้นทรัพย์และหลบหนีไป บริเวณริมถนนเลี่ยงเมือง สี่แยกอินโดจีน – บึงพระ จังหวัดพิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการติดตามจับกุมตัวคนร้ายได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายวิโรจน์ เกิดช้าง อายุ 39 ปี ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ศาลได้พิพากษา “สั่งประหารชีวิตนายวิโรจน์ สถานเดียว” ไม่มีการลดโทษให้ แม้ว่าจำเลยจะรับสารภาพ แต่เมื่อพิจารณาถึงพยานหลักฐานโจทก์ที่สามารถรับฟังได้อย่างหนักแน่นโดยปราศจากข้อสงสัยอยู่ในตัวเอง เนื่องจากมีการพบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลยตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และพบทรัพย์สินของผู้ตายที่บ้านของจำเลย คำสารภาพของจำเลยจึงไม่เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา อีกทั้งศาลยังเห็นว่า จำเลยวางแผน และฉวยโอกาสลงมือกระทำผิดต่อผู้ตายซึ่งเป็นหญิงในสถานที่มืดและเปลี่ยวในเวลากลางคืน ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อหวังชิงทรัพย์ ทั้งยังลงมือฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดการกระทำความผิดของตน เป็นการกระทำที่อุกอาจและเป็นภัยต่อบุคคลอื่นอย่างร้ายแรง และจำเลย กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายครั้งหลายหน” กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนองครับ ขอขอบคุณข้อมูลจาก komchadluek

รวมคดี “จับแพะ” ที่ “เยอะมาก” จนกลายเป็นวิกฤติชาติ!!!! ไปแล้ว รู้หรือไม่ว่า ตัวเลขงบประมาณที่ต้องจ่ายเยียวยาให้กับผู้เสียหายและสถิติการขอรับการเยียวยา นับเป็นตัวเลขที่สูงขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งเป็นการวัดและสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่า “จับแพะ” คือวิกฤติกระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งมีผลให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมได้ดีที่สุด!!! คดีที่ 1 เริ่มกันที่อดีตครูวัย 54ปี “จอมทรัพย์ แสนเมืองโครต” ที่ถูกจองจำในคุกนาน ถึง1 ปี 6 เดือน ด้วยคดีขับรถชนคนตายที่เธอไม่ได้ทำ และทำให้ชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งต้องพังทลาย ทั้งหน้าที่การงาน ครอบครัว เหลือเพียงชีวิตที่เรียกร้องความยุติธรรมกลับคืนมา โดยไม่รู้ว่าจะได้รับความยุติธรรมเมื่อไร คดีที่ 2 เช่นเดียวกับคดีประวัติศาสตร์ความอัปยศให้วงการตำรวจ คือ “คดีเชอรี่แอน ดันแคน” ลูกครึ่งไทย-อเมริกันวัย 16 ปี ที่ถูกฆาตกรรมในป่าแสมบางสำราญ ต.บางปูใหม่ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.29 ที่ผ่านมา ครั้งนั้นมีการจับผู้ต้องหาและเป็นแพะทั้งสิ้น 5 ราย จนในปี 2536 ศาลฎีกามีคำพิพากษาว่าทั้งหมดเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่แพะเหล่านั้นก็ถูกจำคุกอยู่นานถึง 6…