Category: สุขภาพดีป้องกันได้
-
เคล็ดลับ…วิธีการดูแล “จิ๊มิ” ให้มีกลิ่นประทับใจ “คุณสามี”
เคล็ดลับ…วิธีการดูแล “จิ๊มิ” ให้มีกลิ่นประทับใจ “คุณสามี” “จิ๊มิ๊” หรือ “จุดซ่อนเร้น” ของคุณผู้หญิง เป็นสิ่งที่ทั้งสร้างความประทับใจให้คุณสามี และยังเป็นส่วนที่สร้างความรู้สึกยอดแย่ให้คุณสามีด้วยนะคะ (เพียงแต่เขาอาจไม่กล้าบอกคุณตรง ๆ ว่า เขารู้สึกแย่แค่ไหน) ยอมรับเถอะค่ะว่าเรื่องธรรมชาติเหล่านี้ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้มนุษย์เติบโตไปในอนาคต สาว ๆ หลายคนพยายามเฟ้นหาวิธีเอาใจคุณสามีด้วยการกำจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ แต่ก็ไม่ได้ผลสักที คราวนี้มีวิธีใหม่และถูกต้องมาให้ทดลองค่ะ จุดซ่อนเร้นมีกลิ่นแรง ปฎิเสธไม่ได้เรื่องกลิ่นของจุดซ่อนเร้นมีทุกคนค่ะ แต่จะมากน้อยขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเพศ อาหารที่รับประทาน การดูแลเรื่องความสะอาดของแต่ละคน รวมถึงผู้หญิงที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ด้วย ช่องคลอดมักมีกลิ่นไม่พึงประสงค์มักมาร่วมกับอาการคัน มีตกขาว แสบร้อน ระคายเคือง หรือจะมาแค่กลิ่นก็ได้ สาเหตุของกลิ่น 1 เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือโรค Bacterial Vaginosis ที่มักจะพ่วงมากับอาการคันและมีตกขาว ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียนี้เกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด เกิดได้ในผู้หญิงทุกคนแม่จะไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ก็ตามค่ะ 2 เชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างเชื้อทริโคโมแนสก็ทำให้เกิดกลิ่นได้ค่ะ อาการคล้าย ๆ กันคือ มีตกขาวสีเหลืองปนเขียว คัน และมีกลิ่น ซึ่งควรพบแพทย์เช่นกันค่ะ 3 สาเหตุอื่น ๆ ได้แก่…
-
หมอเตือน!!! “จิ๊มิ” ยิ่งล้าง ยิ่งสวน ยิ่งเหม็น….
หมอเตือน!!! “จิ๊มิ” ยิ่งล้าง ยิ่งสวน ยิ่งเหม็น…. พื้นที่สงวนของผู้หญิงเป็นบริเวณที่ซับซ้อนมาก หลายคนอาจคิดว่า การล้างช่องคลอดมีส่วนในการช่วยทำความสะอาดช่องคลอดได้ แต่นั่นไม่เป็นความจริง… เพราะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมายืนยัน (นอนยัน นั่งยัน) แล้วว่า ยิ่งล้าง ยิ่งสวน ยิ่งอันตราย! ผู้หญิงอย่าสวนล้างช่องคลอด ผู้หญิงมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น มักจะล้างทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นและสวนล้างช่องคลอดไปพร้อมกันด้วยน้ำยากำจัดกลิ่น เพราะเข้าใจผิดคิดว่าช่วยทำให้ช่องคลอดและน้องสาวสะอาดล้ำลึกมากขึ้น แต่คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบกันหรือไม่ การสวนล้างช่องคลอด หรือใช้น้ำยาอนามัยล้างน้องสาวอยู่เป็นประจำ ยิ่งทำให้มีกลิ่นรุนแรงมากขึ้น ข้อมูลทางการแพทย์ ระบุว่าไม่มีความจำเป็นเลยในผู้หญิงที่มีสุขภาพของจุดซ่อนเร้นปกติทั่วไปต้องทำการสวนล้างช่องคลอด เพราะกลไกลธรรมชาติของร่างกายมีการดูแลจุดซ่อนเร้นของเราโดยอัตโนมัติและดีอยู่แล้ว ฮอร์โมนเป็นตัวควบคุมให้มีการขับน้ำเมือกของเซลล์เยื่อบุช่องคลอดออกมาเป็นตกขาว ( หมายถึงตกขาวปกติ ) ซึ่งภายในภาวะปกติช่องคลอดจะมีแบคทีเรียชนิดที่เป็นประโยชน์ชื่อ Lactobacilli bacteria เปรียบเสหมือนยามรักษาดูแลความปลอดภัยจิ๋ม คอยสร้างความเป็นกรดในช่องคลอดเพื่อปกป้องเชื้อโรคแปลกปลอมที่เล็ดลอดเข้าไปในช่องคลอดของเรา หากคุณผู้หญิงล้างมากๆบ่อยเกินไปและใช้น้ำยารุนแรง เชื้อLactobacilli bacteria ก็จะลดจำนวนลง ทำให้เกิดกลิ่นรุนแรงมากขึ้น ติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่าย เช่น HPVs อันเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็งปากมดลูกและจากที่ไม่เคยมีตกขาวอาจมีมากขึ้น แล้วใครล่ะ ที่ควรสวนล้างช่องคลอด การสวนล้างช่องคลอดจะกระทำโดยเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านนรีเวช และทำเฉพาะในกลุ่มสตรีที่จะมีการผ่าตัดทางช่องคลอด หรือผ่าตัดมดลูก หรือต้องทำหัตถการเข้าไปในช่องคลอดเท่านั้น วิธีดูแลจุดซ่อนเร้นอย่างถูกต้องเหมาะสม 1.ล้างเฉพาะส่วนนอกด้วยสบู่อ่อนๆ ไม่สวนล้างลึกเข้าไปในช่องคลอด 2.เช็ดให้แห้ง…
-
เป็นไปแล้ว!!! ลานน้ำพุพุ่ง! ทะลวง “จิ๊มิ” จนฉีกขาด ต้องเย็บแผลถึง 250 เข็ม
เป็นไปแล้ว!!! ลานน้ำพุพุ่ง! ทะลวง “จิ๊มิ” จนฉีกขาด ต้องเย็บแผลถึง 250 เข็ม ตามห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง มักจะมีการแสดงน้ำพุเพื่อความสวยงาม ตระการตาประดับประดาให้ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านั้นดูน่ามอง เช่นเดียวกับในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ณ สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง ก็เคยมีลานน้ำพุ ที่ถึงกับทำให้สาวน้อยวัยใสคนหนึ่ง “จิ๊มิ” ฉีกขาดกันมาแล้ว เชลบี สาวชาวเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ วัย 19 ปี เผยถึงประสบการณ์สุดสยองในตอนอายุ 14 ปีว่า เธอเคยไปวิ่งเล่นน้ำพุที่แบล็กพูล พลีสเชอร์ บีช กับครอบครัวและเพื่อนเมื่อเดือนตุลาคมปี 2009 แล้วถูกน้ำพุที่พุ่งขึ้นจากพื้นทะลวงอวัยวะเพศจนฉีกขาด ลานน้ำพุดังกล่าวถือเป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่ ที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนในสมัยนั้น เรียกว่า The Spectacular Dancing Water Fountain ซึ่งพุ่งขึ้นจากพื้น โดยจุดที่อยู่ตรงกลางลานมีความแรงและพุ่งสูงถึง 200 ฟุต “ฉันก็เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ที่วิ่งเล่นบนลานน้ำพุนั้น แต่ขณะที่วิ่งเล่นอยู่ฉันถูกน้ำแรงดันสูงพุ่งใส่จนล้มลง และรู้สึกปวดเหมือนอยากเข้าห้องน้ำไปปัสสาวะ ทว่าสิ่งที่เห็นกลับเป็นเลือดที่ไหลออกมาจนนองพื้น” เชลบี กล่าว เพื่อนได้พาเธอกลับไปที่โรงแรม…
-
ยี้!!! ยาสมุนไพรสอดจุดซ่อนเร้น หวังจะฟิตกระชับ…แต่กลับได้สิ่งนี้มาแทน?
ยี้!!! ยาสมุนไพรสอดจุดซ่อนเร้น หวังจะฟิตกระชับ…แต่กลับได้สิ่งนี้มาแทน? สาว ๆ ระวังกันหน่อยนะคะ หลายคนที่อยากให้จิ๊มิ๊ฟิต! กระชับ! แก้ตกขาว! นู้นนี่ แล้วไปเชื่อคำชวนเชื่อจากอินเตอร์เน็ต จึงสอดยาสมุนไพรที่อ้างว่ามีสรรพคุณดังกล่าว ระวังจะเจอภัยเป็นเมือกหนาแบบนี้! ในโลกโซเชียลมีการแชร์ภาพชวนตกใจ จนนำไปแชร์เป็นกระทู้ “ใช้ยาสอดแล้วสิ่งนี้หลุดออกมา !!!!!” ในเว็บบอร์ดพันทิป โดยเป็นภาพของก้อนเยื่อเมือกสีขาวขุ่น ปนออกมากับเศษดำ ๆ พร้อมมีบทสนทนาของหญิงรายหนึ่งที่ระบุว่า เจอสิ่งนี้หลุดออกหลังได้ใช้ยาสอดมาแล้ว 3 อาทิตย์ อาทิตย์ละ 1 วัน ไม่รู้มันคืออะไร ขณะฝ่ายที่คาดว่าน่าจะเป็นแม่ค้า ตอบกลับมาว่า ที่หลุดออกมาคือสิ่งสกปรกที่ถูกขับออกมาจากช่องคลอด กระแสการวิจารณ์ในโลกออกไลน์อย่างรวดเร็ว และได้มีการเตือนภัยสาว ๆ อย่าได้ซื้อยาลูกกลอนสมุนไพรสอดช่องคลอดที่มีวางขายทั่วไปในเน็ตมาใช้เป็น อันขาด โดยส่วนใหญ่ผู้ค้าจะอ้างว่า ใช้แล้วช่วยแก้อาการตกขาว กำจัดกลิ่น และทำให้อวัยวะเพศฟิตกระชับ ตัวอย่างยาสมุนไพรอันตราย ด้านแอดมินเฟซบุ๊กเพจ Drama-addict ได้ออกมาเตือนว่า การสมุนไพรแบบนี้สอดเข้าไป ร่างกายจะถือเป็นสิ่งแปลกปลอม อาจทำให้เกิดการระคายเคือง จนลามไปถึงการอัดเสบติดเชื้อได้ และสิ่งที่ขับออกมาตามในภาพก็คือ ตกขาวผสมกับตัวยาลูกกอลนที่สอดเข้าไปนั่นเอง ระวังกันให้ดี ๆ นะคะ แทนที่จะฟิต!…
-
ผู้หญิงคนนี้ ขาของเธอกลายเป็นสีดำ จากนั้นเนื้อหลุดลุ่ยเห็นกระดูก เพราะเธอเชื่อหมอ!!!
ผู้หญิงคนนี้ ขาของเธอกลายเป็นสีดำ จากนั้นเนื้อหลุดลุ่ยเห็นกระดูก เพราะเธอเชื่อหมอ!!! เรื่องนี้เกิดขึ้นกับสตรีวัย 40 อยู่จังหวัด ต.โบงมุม ประเทศกัมพูชา ขาของเธอได้บวมและต่อมาผิวหนังดำและเนื้อหลุดลุ่ยเห็นแต่กระดูกท่อนขา เธอถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลกัลแมต กรุงพนมเปญ คณะแพทย์วินิจฉัยเห็นว่าต้องตัดขาทิ้ง…. เธอเสียดายขาไม่ยอมให้ตัดและกลับมารักษากับหมอชาวบ้าน เธอหวังว่าวันหนึ่งโรคนี้จะหาย หลายฝ่ายคาดว่า ผู้หญิงคนนี้อาจจะถูกสัตว์มีพิษบางชนิดกัด และเกิดอาการติดเชื้อ ความเชื่อของชาวกัมพูชาที่ชอบรักษากับหมอชาวบ้านหรือหมอโบราณยังมีอยู่ เนื่องจากความยากจนไม่กล้าไปหาหมอที่โรงพยาบาล มีชาวเขมรคนหนึ่งเล่าว่า เขาต้องถูกตัดขาเพราะหมอโบราณ ทั้งที่แค่ขาหักแต่พ่อของเขาพาไปรักษากับหมอโบราณ ถูกทุบซ้ำแล้วตำลูกไก่กับสมุนไพรมาพอก สุดท้ายอักเสบเน่าทั้งขา เคราะห์ยังดีที่พาไปส่งโรงพยาบาลทัน หมอแผนปัจจุบันบอกว่า ถ้าทิ้งไว้นานอาจจะตายได้เพาะจะติดเชื้อในกระแสเลือดสุดท้ายตัดขา เพราะเนื้อเน่าหลุดเป็นชิ้น ๆ นับเป็นอีกหนึ่งอุทธาหรณ์ครับ ทางที่ดีเมื่อเจ็บป่วยเป็นโรคอะไรก็ตาม ควรไปพบแพทย์เสียแต่เนิ่น ๆ ดีกว่า จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์บานปลาย จนสุดท้ายอาจแก้ไขไม่ทัน
-
หมอออซซี่สุดชุ่ย! เสี่ยงติดเอดส์ และไวรัสตับอักเสบ จากคลินิกหมอฟัน
หมอออซซี่สุดชุ่ย! คนเสี่ยงติดเอดส์ และไวรัสตับอักเสบ จากคลินิกหมอฟัน โรงพยาบาลและคลินิกนอกจากจะใช้เป็นสถานที่รักษาคนไข้แล้ว ในทางตรงกันข้ามสถานที่เหล่านี้ก็เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคร้ายแรงชนิดต่าง ๆ อย่างดี ยิ่งหากคุณมีภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีด้วยแล้ว ก็เป็นเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บรุนแรงได้สูง ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศออสเตรเลีย ที่มีการแพทย์คุณภาพสูงติดอันดับโลกก็ตาม หน่วยงานด้านสาธารณสุขประจำรัฐนิวเซาท์เวลส์ ของออสเตรเลีย เปิดเผยว่าทันตแพทย์ 12 คนที่เข้าทำการผ่าตัดคนไข้4 รายต้องสงสัยว่าทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออุปกรณ์ไม่เหมาะสม จึงแนะนำให้ผู้เข้ารับบริการทันตกรรมราว 11,000 คน เข้ารับการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี และเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดเอ บี และซี ซึ่งสามารถแพร่กระจายผ่านเลือดและสารคัดหลั่งที่ติดอยู่บนอุปกรณ์ที่ไม่สะอาดเหล่านั้น อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อดังกล่าวแต่ทันตแพทย์ 6 คนถูกพักงาน และอีก 6 คนถูกตั้งเงื่อนไขต่างๆในการขอต่อใบอนุญาติ นายเจเรมี แม็คอะนัลตี้ ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขประจำรัฐ นิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย สั่งระงับใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์ของทันตแพทย์ 6 ราย และสั่งสอบการทำงานของทันตแพทย์อีก 6 รายจากคลินิกทันตกรรมในนครซิดนีย์ ซึ่งข่าวมิได้ระบุชื่อ หลังผลตรวจสอบเรื่องร้องเรียนจากผู้เข้ารับบริการในคลินิกทันตกรรมพบว่า ทันตแพทย์และเจ้าหน้าที่คลินิกไม่ปฏิบัติตามกฎการรักษาความสะอาดและความปลอดภัยในการทำฟันและผ่าตัดในช่องปาก ส่งผลให้ผู้ที่เข้ารับบริการเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ ที่ติดต่อผ่านทางเลือดและของเหลว ซึ่งรวมถึงเชื้อไวรัสเอชไอวี/เอดส์ และไวรัสตับอักเสบชนิดเอ, บี และซี นายแม็คอะนัลตี้ ยืนยันว่า โอกาสที่ผู้เข้ารับบริการทันตกรรมจะติดโรคร้ายแรงมีความเป็นไปได้ต่ำ แต่ขณะเดียวกันก็ได้แนะนำให้ประชาชนราว…
-
คนไทยรอดแล้ว!!! ประเทศไทยปลอดเชื้อมอร์สเกือบ 100% กระทรวงสาธารณสุขยืนยัน
คนไทยรอดแล้ว!!! ประเทศไทยปลอดเชื้อมอร์สเกือบ 100% กระทรวงสาธารณสุขยืนยัน เชื่้อมอร์สที่หลายคนเป็นกังวลว่า จะน่ากลัวและระบาดเหมือนกับโรคอื่น ๆ เช่น อิโบล่า หรือไม่ มาวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาแถลงข่าวอย่างเป็นทางการดังนี้ วันนี้ (3 ก.ค.) นพ. รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้แถลงว่า ชายชาวโอมานที่ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (เมอร์ส) หายจากโรคแล้ว โดยผลการตรวจเชื้อในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ให้ผลเป็นลบ 5 ครั้ง ด้านญาติผู้สัมผัสโรคอีก 3 ราย ผลการตรวจเชื้อให้ผลเป็นลบเช่นกัน ผู้ป่วยชาวโอมานและครอบครัวเตรียมเดินทางกลับประเทศวันนี้ ส่วนผู้สัมผัสผู้ป่วยรายแรกทั้ง 176 ราย ได้มีการติดตามเฝ้าระวังจนครบกำหนด 14 วัน และการตรวจหาเชื้อยืนยันผลเป็นลบทั้งหมด กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศว่าประเทศไทยไม่มีผู้ป่วยโรคเมอร์สและไม่มีการระบาดของโรคแล้ว อย่างไรก็ตามทางกระทรวงฯ ยังคงมาตรการป้องกันโรคอย่างต่อเนื่องและติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังคงมีคนไทยเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาด โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ค่อยหายใจล่องคอหน่อยนะคะ ไม่อย่างนั้นต้องระแวงกันไปต่าง ๆ นานา ว่าโรคเมอร์สนี้จะโหดร้ายรุนแรงเหมือนอีโบล่ารึเปล่า ว่าแต่ในอนาคตจะมีโรคร้ายแรงแบบนี้เข้ามาในประเทศไทยอีกรึเปล่านะ สงสารก็แต่ลูกหลานตาดำ ๆ ที่เกิดไม่รู้อิโหน่อิเหน่นี่แหละ ช่วย ๆ กันดูแลบ้านเมืองให้สงบสุขกันเถอะนะคะคู๊ณณณณ ขอขอบคุณข้อมูล…
-
สุดทึ่ง! เกมออนไลน์ ช่วยลดน้ำหนักได้ (รับรองโดยผลวิจัยของประเทศอังกฤษ)
สุดทึ่ง! เกมออนไลน์ ช่วยลดน้ำหนักได้ (รับรองโดยผลวิจัยของประเทศอังกฤษ) หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่เคยลดน้ำหนักมาแล้วทุกรูปแบบ แต่ก็ยังไม่ลงสักที คราวนี้คงได้เฮ! กันแล้ว เพราะมีผลวิจัยจากประเทศอังกฤษที่น่าเชื่อถือได้ บอกว่า การติดเกมออนไลน์ ช่วยลดน้ำหนักได้! รายละเอียดเป็นอย่างไร ติดตามได้เลยค่ะ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ ประเทศอังกฤษ พบว่า “การฝึกฝนสมองด้วยเกมคอมพิวเตอร์อาจช่วยควบคุมนิสัยการรับประทานจุกจิกได้ และอาจใช้เป็นองค์ประกอบหนึ่งในการควบคุมน้ำหนัก หรือปรับปรุงพฤติกรรมการรับประทานอาหาร” ผลการวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Appetite โดยคณะนักวิจัยใช้เกมที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยนักจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ และมหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ ทดลองในผู้ใหญ่จำนวน 41 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้มีปัญหาน้ำหนักตัวเกิน และชอบทานขนมและของขบเคี้ยวแคลอรีสูงเป็นประจำ การทดลอง เริ่มต้นจากให้ผู้ร่วมการทดลองหลีกเลี่ยงการคลิกไปที่รูปภาพของขบเคี้ยว และขนมต่างๆ อาทิ บิสกิต และชอคโกแลต โดยทำการฝึกฝน 4 ครั้งใน 1 สัปดาห์ ครั้งละ 10 นาที พบว่า ผู้เข้าร่วมการทดลองมีน้ำหนักลดลงโดยเฉลี่ย 0.7 กก. และดูเหมือนจะทานอาหารที่มีแคลอรีน้อยลงติดต่อกันนานถึง 6 เดือนหลังจากนั้น…
-
เผยผิว! ให้ขาวใส ด้วยเงินเพียง 100 เดียว!!! (เรื่องจริง ไม่ใช่โฆษณาขายครีม)
เผยผิว! ให้ขาวใส ด้วยเงินเพียง 100 เดียว!!! (เรื่องจริง ไม่ใช่โฆษณาขายครีม) หนึ่งในความฝันของสาวๆ คือการได้มีผิวหน้าขาว นุ่ม เนียนใส เหมือนผิวเด็ก แต่ในความเป็นจริง ใครบ้างล่ะจะได้มีผิวแบบนั้นตั้งแต่เกิด เพื่อให้ผิวหน้าขาวใสดังฝัน สาวๆ หลายคนเลือกจะไปเสริมความงามด้วยราคาแสนแพง ทั้งประโคมครีม ฉีดนู้นนี่เพื่อให้สภาพหน้าเต่งตึงและขาวใส เพราะเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์ยิ่งราคาแพงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นผลดี และได้ผลเร็วกว่าผลิตภัณฑ์ราคาถูกๆ วันนี้มีสาวน้อยคนหนึ่ง ได้ตั้งกระทู้ลงในเว็บไซต์พันทิปว่า เธอสามารถมีผิวหน้าขาวใส และสวยได้ด้วยราคาเพียง 100 บาท วิธีของเธอจะดีแค่ไหน ลองพิสูจน์ได้ที่นี่ค่ะ สวัสดีค่ะ เราอยากเเชร์ความสวยผ่านพันทิปค่ะ เรามีเคล็ดลับที่ไม่ลับดีดีมาให้ทุกคนอ่านค่ะ ##อยากให้อ่านข้อความก่อนนะคะ ยาวนิดหน่อยเเเต่สาระเยอะค่ะ ## เราเป็นคนผิวคล้ำมากค่ะ เราชอบทำอะไรไปเรื่อยกับหน้าตัวเอง เอาอะไรมาพอกหน้า จนเต็มไปหมด คือเราอยากให้หน้าขาวค่ะ นั่นมันคือความฝันของผู้หญิงที่อยากหน้าขาวเนียน ไอ้จุดพีคมันตรงที่ มันเป๊ะมากค่ะ เราพอกหน้าสูตรนี้มา เกือบ 2 เดือนละค่ะ จากที่หน้าสิวจนเพื่อนล้อก็หายไป พอละค่ะไม่เกริ่นมาก มาดูรูปเราตอนมีสิว และหลังจากที่เราคิดสูตรนี้ขึ้นมา . .…
-
ทายาตัวนี้!! หายชัวร์กับ แผลร้อนใน ในช่องปาก
ทายาตัวนี้!! หายชัวร์กับ แผลร้อนใน ในช่องปาก ร้อนใน แผลเล็กๆ ในช่องปาก ที่สร้างความทรมานให้คุณได้หนักหนาทีเดียว ไหนจะต้องคอยแปรงฟันอย่างระมัดระวัง กินอาหารเผ็ดร้อนก็ลำบาก ปวดแสบทรมานไปหมด นี่ยังไม่รวมกับการกังวลว่าจะมีกลิ่นปาก อันไม่พึงประสงค์ออกมาจากช่องปากของคุณด้วย ก่อนจะมากำจัดร้อนในให้หาย เรามารู้จักต้นตอ หรือสาเหตุของการเป็นแผลร้อนในกันก่อนดีกว่า 1 เผลอ และไม่เผลอกัดริมฝีปากตัวเอง ถ้ากัดเบาๆ ให้เซ็กซี่ยังพอโอเคอยู่ แต่บางทีกินอาหารอร่อยๆ แล้วเผลอกัดปากตัวเองนี่ยิ่งแย่นะคะ เพราะนอกจากจะเจ็บในตอนกัดแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเจ็บระยะยาวอย่างร้อนในด้วยล่ะ 2 แปรงฟันแรงเกินไป หลายคนเชื่อว่า ยิ่งแปรงแรง ยิ่งสะอาด นี่ไม่ใช่ความจริงนะจ๊ะ 3 แผลถลอกจากการดัดฟัน หรือจัดฟัน 4 ความเครียด จริงๆ ความเครียดนี่ก่อให้เกิดหลายโรครุนแรงด้วยนะคะ 5 ขาดธาตุเหล็ก โฟเลท และวิตามินบี 12 รู้จักต้นตอที่มาของร้อนในแล้ว มาดูการรักษากันดีกว่า 1 เบสิคมาก อย่างแรกคุณต้องกินอาหารที่มีประโยชน์เสียก่อน พวกผลไม้ นม เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา เป็นต้น ง่ายๆ…