Author: admin

ไม่เหมือนฝัน… หนุ่มหนีทัวร์ไปทำงานเกาหลีใต้ โดนทิ้ง-ไม่มีงาน-ผูกคอดับริมทาง น.ส.ออม นามสมมุติ อายุ 40 ปี เล่าว่าตนเองได้รับความเดือดร้อน ไม่มีเงินเดินทางไปดูศพสามี นายวันสิน บุญกลาง อายุ 40 ปี เสียชีวิตที่ประเทศเกาหลีใต้ หลังได้รับแจ้งจากทางสถานทูตว่า สามีผูกคอตายอยู่ริมทาง น.ส.ออม เล่าว่า ตนและสามีมีลูกด้วยกัน 3 คน เมื่อกลาง มีคนมาชักชวนไปทำงานที่ประเทศเกาหลีใต้ด้วยการหนีทัวร์ท่องเที่ยว จึงมีความคิดว่าอยากจะไปทำงานเพื่อหาเงินมาสร้างบ้าน ก่อนจะตัดสินใจกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) มาจำนวน 150,000 บาท เพื่อจ่ายค่าแพ็กเกจท่องเที่ยว และใช้หนี้เงินกู้นอกระบบที่มีมาก่อนหน้านี้ ตนและสามีได้เดินทางไปในนามนักท่องเที่ยวและหนีทัวร์ตามที่นายหน้าแนะนำ โดยมีเงินติดตัวคนละ 40,000 บาท เพื่อใช้จ่าย อยู่ได้ประมาณ 7 วัน ไม่เหมือนที่ฝันไว้ เพราะที่นั่นไม่มีงานทำ ค่าครองชีพสูง ต้องพักโรงแรม รวมถึงอาหารการกินไม่เหมือนเมืองไทย สามีสงสารจึงให้ตนเดินทางกลับไทยไปก่อน โดยแบ่งเงินให้สามีไว้ใช้ประมาณ 15,000 บาท น.ส.ออม เล่าต่อว่า เมื่อถึงประเทศไทย ตนโทร. ถามสามีทุกวันถึงชีวิตความเป็นอยู่…

แม่ยิ่งกว่าช็อก!!! ทารก 4 เดือน มีหนอนยั้วเยี้ยแผลข้างหู ลืมตาข้างหนึ่งไม่ได้ (คลิป) สำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยแพร่คลิปสุดเศร้าของ หนูน้อยหญิงวัยเพียง 4 เดือน มีหนอนยั้วเยี้ยไปมาบนแผลเปิดข้างใบหูข้างซ้ายและไม่สามารถลืมตาข้างขวาได้ คุณแม่นำตัวลูกสาวส่งโรงพยาบาลเด็กในรัฐรอนโดเนีย ประเทศบราซิล แต่วันต่อมาปรากฏว่า แผลข้างหูกลับมีขนาดเพิ่มขึ้นอีก ชมคลิปกัน สื่อท้องถิ่นรายงานว่า สองแม่และลูกเป็นชาวพื้นเมือง อาศัยอยู่ในบ้านพัก ที่นครโปร์ตูเวลยู รัฐรอนโดเนีย ขณะที่โรงพยาบาลเด็กขาดแคลนยาสลบทำให้การผ่าตัดรักษาหนูน้อยต้องล่าช้าออกไปอีก น่าสงสารจริงๆ หวังว่าจะมีการผ่าตัดที่รวดเร็ว และปลอดภัยสำหรับหนูน้อยคนนี้ เพราะแผลข้างหนูนี้อยู่ติดสมองจนน่าตกใจ! ขอขอบคุณข้อมูล และภาพจาก เดอะมิร์เรอร์  และ ข่าวสด

แค่มวยน้ำลาย… “โป้ อานนท์” ประกาศยอมแพ้ ชาวเน็ตจวกยับ!!! เป็นมวยที่แลกน้ำลายกันไปมาอย่างดุเดือดทางสังคมออนไลน์ สำหรับ “อิกคิวซัง ก.รุ่งธนเกียรติ” นักมวยไทยชื่อดัง กับ “เสี่ยโป้ อานนท์” หลังทั้งคู่เลื่อนการชกออกไปแล้ว 1 ครั้ง เนื่องจากปัญหาเรื่องความไม่พร้อมของสถานแข่งขัน อย่างไรก็ตามมวยคู่ดังกล่าว กลับต้องถูกเลื่อนออกไปอีกครั้ง โดย “ป๋าแดง” โปรโมเตอร์มวย และนายวัน อยู่บำรุง เนื่องจากยังไม่ได้ขออนุญาตการกีฬาแห่งประเทศไทยก่อน นอกจากนี้จะต้องทำเรื่องไปที่สำนักงานเขตด้วย โดยจะมีการชกภายในสัปดาห์นี้อย่างแน่นอนหลังวันที่ 14 ก.พ. โป้ อานนท์ กล่าวว่า วันนี้ไม่ได้ชก เพราะยังไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้อง ซึ่งไม่อยากทำผิดกฎหมาย โดยยังไม่ได้ติดต่อกับอิกคิวซังเรื่องการชก ส่วนเรื่องที่อิกคิวซังกล่าวหาผ่านไลฟ์เฟซบุ๊กว่าต้มตุ๋นล้มมวยและค้ายาเสพติดนั้น ได้ให้ทนายไปฟ้องเอาผิดไปแล้ว รวมถึงเตรียมเอาผิดฐานไม่จ่ายเงินค่าเสื้อของแม่ ที่อิกคิวซังสั่งไว้ด้วย “ส่วนเงินเดิมพันในการขึ้นชกนั้น คงยังไม่ยึดเงินเดิมพัน 2.4 ล้านบาท เพราะทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้ทำผิด เนื่องจากต้องรอกกท.ออกใบอนุญาตก่อน” ล่าสุด โป้ อานนท์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอยอมแพ้แล้ว โดยระบุว่า “เหนื่อยเหลือเกิน…

3 นักเรียนชายข่มขืน ด.ญ. วัย 14 ในห้องน้ำโรงเรียน อนิจจัง… มีเชื้อเอดส์-หนองใน!! สำนักข่าวต่างประเทศเผยเรื่องราวสุดสลด นักเรียนสาวชาวอเมริกันวัย 14 ปี ถูกเพื่อนนักเรียนชาย 3 คน ข่มขืนกระทำชำเราในห้องน้ำโรงเรียน โดย 1 ใน นักเรียนมีเชื้อเอชไอวีด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเซาท์ฟลอริดา สหรัฐอเมริกา หลังอยู่ในอาการหวาดผวา เด็กหญิงเคราะห์ร้ายเล่าว่า “เธอโดนนักเรียนชายคนหนึ่งข่มขืนเธอ ก่อนจะไปเรียกเพื่อนอีก 2 คน เข้ามาร่วมวงข่มขืนด้วย รวมเป็น 3 ครั้ง ที่ห้องน้ำโรงเรียน” เด็กหญิงเคราะห์ร้ายตัดสินใจนำเรื่องเล่าทั้งหมดไปแจ้งครู จนนำไปสู่การตั้งกรรมการสอบ เบื้องต้นทางโรงเรียนสั่งพักการเรียนนักเรียนชายทั้ง 3 คน รวมถึงเด็กหญิงคนนี้ด้วย เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบสวนทั้งนี้เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า หนึ่งในนักเรียนชายมีเชื้อเอชไอวี ส่วนอีกคนเป็นโรคหนองใน ด้านแม่ของเหยื่อกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าลูกสาวได้รับเชื้อด้วยหรือไม่ แต่ทางแพทย์ได้ให้ยาต้านไว้แล้ว อนิจจา… น่าสงสารสาวน้อยคนนี้จริงๆ ขอขอบคุณข้อมูล และภาพจาก ข่าวสด และ เว็บไซต์มิร์เรอร์

เสียชื่อไปทั่วโลกรึเปล่า??? สาวโวยทองในกระเป๋าเดินทางหาย 4 แสน!!! สมาชิกเฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์เหตุการณ์ของเธอในโลกออนไลน์ว่า “เธอได้เดินทางจากประเทศไทย ไปประเทศเดนมาร์ค ด้วยสายการบินแห่งชาติ ผ่านจากสุวรรณภูมิแต่เมื่อเดินทางไปถึงที่หมาย ทองที่เธอโหลดมาในกระเป๋าเดินทางโดนแกะเหลือแต่กล่องใส่ทองเท่านั้น จำนวนทองที่หายร่วม 4 แสนบาทเลยทีเดียว” ฝ่ายภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท การบินไทยจำกัด (มหาชน) เปิดเผยต่อเนื่องจากกรณีนี้ว่า “หลังเดินทางด้วยเครื่องบินของการบินไทยจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ สู่ท่าอากาศยานโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก พบว่าสัมภาระถูกงัด และทรัพย์สินมีค่าสูญหาย จากนั้นได้มีผู้นำไปเผยแพร่ต่อจนเกิดการแพร่กระจายกว้างขวางทางสื่อสังคมออนไลน์นั้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงว่า เบื้องต้นบริษัทฯ ได้รับทราบกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นแล้ว และได้รีบดำเนินการติดต่อผู้เสียหายเพื่อขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งจะประสาน บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ในการตรวจสอบเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว หากปรากฏหลักฐานว่าทรัพย์สินมีค่าของผู้เสียหายสูญหายจากการเดินทางกับเครื่องบินของบริษัทฯ จริง บริษัทฯ จะดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายตามมาตรฐานสากลที่สายการบินได้กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอแนะนำว่า ผู้โดยสารควรนำทรัพย์สินมีค่าติดตัวไว้ตลอดเวลา และไม่ควรเก็บไว้ในกระเป๋าสัมภาระที่บรรทุกใต้ท้องเครื่องบิน ทั้งนี้ หากกรณีดังกล่าวมีความคืบหน้าประการใด บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป” หวังนี้เธอจะได้รับทองคำคืนทั้งหมด…

แค่เลี้ยงหมูก็เป็นเศรษฐี!!! เจ้าของหมู… เจอสิ่งนี้ในร่างกายหมู ขายได้เกือบ “20 ล้านบาท” รวยไม่รู้เรื่อง นายป๋อ ชุนหลิ่ว อายุ 51 ปี เจ้าของฟาร์มหมู กำลังฆ่าหมูวัย 8 ขวบ น้ำหนัก 250 ก.ก.เพื่อนำไปขาย ระหว่างนั้นเขาเจอสำรอกหมูเป็นก้อนยาว 10 ซม. กว้าง 7 ซม. สำรอกหมูก้อนดังกล่าวถูกพบอยู่ในส่วนถุงน้ำดีหมู ทันทีที่รู้ว่าเป็นสำรองหมู นายป๋อ และนายหมิงซื่อ ลูกชายวัย 26 ปี เดินทางไปนครเซี่ยงไฮ้ และว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญเป็นเงิน 4 หมื่นหยวน (190,000 บาท) เพื่อประเมินมูลค่าอย่างจริงจัง เหตุผลที่เขากล้าจ้างผู้เชี่ยวชาญราคาสูงขนาดนั้น เพราะพวกเขาทราบดีว่า ราคาตลาด ของสำรอกหมูที่ยาว 10 ซม. กว้าง 7 ซม. จะมีมูลค่าสูงถึง 4 ล้านหยวน (19.7 ล้านบาท) โดยผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า สำรอกหมูจะมีค่าต้องเจอจากถุงน้ำดีหมูเท่านั้น…

แว่นตาอัจฉริยะของ “ตำรวจจีน ใส่ปุ๊บจับโจรได้ปั๊บ!!!! ไม่ธรรมดาจริงๆ สื่อต่างประเทศรายงานว่า ตำรวจประจำสถานีรถไฟในเมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน ได้ทดลองสวมแว่นตาอัจฉริยะ ซึ่งแว่นนี้มีการติดกล้องที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ตรวจจับบุคคล ซึ่งเชื่อมต่อตรงกับฐานข้อมูลอาชญากรรมของตำรวจจีน ว่าใครมีประวัติอาชญากรบ้าง เจ้าแว่นตาอัจฉริยะนี้มีลักษณะคล้ายกับแว่นตาอัจฉริยะของกูเกิล (Google Glass) แต่จะทำหน้าที่สแกนและเปิดเผยข้อมูลสำคัญของบุคคลต้องสงสัยให้ตำรวจผู้สวมใส่ เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ ที่อยู่ รวมทั้งยังสามารถระบุได้ว่า บุคคลดังกล่าวกำลังหลบหนีการจับกุมอยู่หรือไม่ ตามรายงานระบุว่า แว่นตาดังกล่าวสามารถจับกุมคนร้ายได้แล้วอย่างน้อย 7 ราย และตรวจับผู้ถือบัตรประชาชนปลอมได้อีก 26 ราย นอกจากนั้น เจ้าแว่นตาอัจฉริยะยี้ยังส่งภาพขณะตำรวจกำลังปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดเกิดเหตุ กลับมายังสถานีตำรวจได้รวดเร็วทันใจด้วย แม้จะมีข้อดีอนันต์ แต่แว่นตาอัจฉริยะนี้ ทำให้เกิดข้อกังขากับกลุ่มสิทธิมนุษยชนไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน ขอขอบคุณข้อมูล และภาพจาก Medium และ workpointnews

โปรดเกล้าฯ ถอดยศ และ เรียกคืนเครื่องราชฯ “2 ร.ท.-1 ร.ต.หญิง” ประพฤติชั่วร้ายแรง ประกาศจากสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่องพระราชทานพระราชานุญาตให้ถอดยศทหารและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้ถอดนายทหารสัญญาบัตร ออกจากยศทหาร จํานวน 3 ราย ตามมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติยศทหาร พุทธศักราช 2479 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยศทหาร (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2501 ประกอบระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดํารงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ.2507 ข้อ 2 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาต ให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา ตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548 ดังนี้ 1.ร้อยโท ชูเชิด ปะโภชนัง สังกัดกองทัพบก ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 2556 ซึ่งเป็นวันที่มีคําสั่งปลดออกจากราชการ เนื่องจากกระทําความผิดฐานหนีราชการทหารในเวลาประจําการ (ในระหว่างประกาศใช้กฎอัยการศึก) และเรียกคืนเหรียญราชการชายแดนและเหรียญจักรมาลา 2.ร้อยโท จีรัฐติกุล จันทรทิพรักษ์ สังกัดกองทัพบก…

ไม่ใช่เล่นๆ แล้ว…. ครูยึดโทรศัพท์นักเรียน “ผิดฐานยักยอกทรัพย์” แม้การที่นักเรียนนำโทรศัพท์มือถือไปโรงเรียนจะช่วยป้องกันภัยในนักเรียนตอนเดินทางไปกลับจากบ้านและโรงเรียนได้แล้ว แต่ก็มีปัญหาหนึ่งนั่นก็คือการพกพาเข้าไปในห้องเรียน และทำให้เด็กนักเรียนขาดสมาธิในการเรียน อาจจะมีการนำไปเล่นเกม เล่นเฟซบุ๊ก ไลน์ หรือมัวแต่คุยกับเพื่อน หรือแฟน รวมทั้ง ท่องโลกอินเตอร์เนตจนทำให้เสียสมาธิในการเรียน จนทำให้บางครั้งครูต้องยึดโทรศัพท์เอาไว้ กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ที่หลายฝ่ายสงสัย และตั้งถกเถียงทางกฎหมายว่า หากไม่คืนโทรศัพท์ให้นักเรียนครูจะมีความผิดหรือไม่ เรื่องนี้มีคำตอบจากกระทรวงยุติธรรม เว็บไซด์กระทรวงยุติธรรมได้มีการเผยแพร่ข้อความและภาพ ในหัวข้อ”กฎหมายน่ารู้ ตอน “ครูยึดโทรศัพท์นักเรียน มีความผิดฐานยักยอกทรัพย์”พร้อมกับระบุว่า การที่ครูยึดโทรศัพท์นักเรียนเนื่องจากฝ่าฝืนกฎระเบียบสามารถทำได้ แต่เมื่อผู้ปกครองของเด็กนักเรียนมาขอคืนคุณครู จะต้องคืนโทรศัพท์เครื่องดังกล่าว เพราะหากยึดไว้เป็นของโรงเรียนอาจมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งมีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 6,000 บาทหรือทั้งจำและปรับ ตามมาตรา 352 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ดัดนิสัยนักเรียนก็เรื่องนึง ไม่คืนโทรศัพท์มือถือแม้พ่อแม่ไปขอโทษและตามเอาก็นับเป็นอีกเรื่องนึงนะครับผม ขอขอบคุณภาพและข้อความจากเว็บไซด์ กระทรวงยุติธรรม

“คนอยากเลือกตั้ง” ชวนแสดงพลัง “10 กุมภาราชดำเนิน”!!! “กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง” นำโดย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ (จ่านิว) , นายรังสิมันต์ โรม และ นางสาวณัฏฐา มหัธนา ได้ประกาศกิจกรรม ‘หยุดยื้ออำนาจ หยุดยื้อเลือกตั้ง’ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ นายรังสิมันต์ โรม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ยังจัดกิจกรรมต่อแน่นอน การที่ศาลยกคำร้องดังกล่าวของตำรวจเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าสิ่งที่เราทำไม่ผิดแน่ๆ และยืนยันมาตลอดว่าประชาชนต้องมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ส่วนคนที่เหลือที่โดนแจ้งข้อหาด้วยก็ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แต่เชื่อว่าคนจะมากันเยอะ เราได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ให้อำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยแล้วเรื่องความปลอดภัย น่าจะได้รับการปกป้องระดับหนึ่ง ขอย้ำอีกรอบว่าวันที่ 10 ก.พ.นี้คือการเริ่มต้นอย่างสำคัญของประชาชนที่จะกำหนดอนาคตตนเอง ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนต้องลุกขึ้นมาทวงสิทธิของตัวเองบ้าง หากยังปล่อยให้ คสช.ทำตามอำเภอใจต่อไป การเลือกตั้งก็ยังสามารถเลื่อนออกไปได้อีก อาจไปไกลกว่าปี 2562 ด้วยซ้ำ ด้าน นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กล่าวว่า หลังศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้คลายความกังวลของประชาชนลงได้มาก และประชาชนจำนวนมากก็ยังคงจะยืนยันจะร่วมต่อสู้ไปกับพวกเรา และไม่กังวล กิจกรรมครั้งนี้ถ้าสำเร็จลุล่วง มีประชาชนออกมาจำนวนมาก…